นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 550 ไม่กล้ายอมรับหัวใจตนเอง
หลิวเสี่ยวหนิงรีบเดินเข้าไปในโถงโรงพยาบาล เธอยืนอยู่ที่ระเบียงด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย มองห้องผู้ป่วยของจินจิ่นหรานที่อยู่ห่างไปไม่ไกล สุดท้ายก็กำฝ่ามือแน่น
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ผลักประตูออกแล้วเดินเข้าไป
ในห้องพักผู้ป่วย เซวียโหรวนั่งปอกผลแอปเปิลอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย และจินจิ่นหรานที่ฟื้นแล้วกำลังนั่งอยู่บนเตียง ราวกับคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีคนเข้ามา สีหน้าจึงฉายแววตกตะลึงเล็กน้อย
โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นว่าเป็นหลิวเสี่ยวหนิง
อย่างไรก็ตามเวลานี้หลิวเสี่ยวหนิงก็ไม่ได้ใจเย็นมากนัก เธอมองจินจิ่นหรานที่อยู่บนเตียงนิ่ง ทันใดนั้นก็รู้มีอะไรมาจุกอยู่ในลำคอ
เขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงบ สีหน้ายังคงซีดขาวอยู่เล็กน้อย ในดวงตาทั้งสองข้างซ่อนอารมณ์ที่มืดครึ้มเอาไว้ ก็ทิ่มแทงเข้าไปในใจของหลิวเสี่ยวหนิงอย่างจัง
เซวียโหรวเห็นดังนั้นก็นำผลแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้ววางไว้ในมือจินจิ่นหราน หันกายมาหาหลิวเสี่ยวหนิง บังจินจิ่นหรานไว้ข้างหลังอย่างสมบูรณ์แบบ
“คุณหลิว คุณมาเยี่ยมไข้จินจิ่นหรานเหรอ?” เซวียโหรวพูดด้วน้ำเสียงแผ่วเบานุ่มนวล
“ฉัน……” ฉับพลัน ในใจของหลิวเสี่ยวหนิงก็เกิดหวาดกลัวขึ้นมา เธอลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ก้มศีรษะลง
“ขอโทษ……”
ยังคงเป็นคำพูดนั้น แต่ไม่ใช่สภาพจิตใจก่อนหน้านี้
“เธอไม่ได้พูดว่าขอโทษไปแล้วเหรอ? แล้วฉันก็พูดไปแล้ว เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณมากนัก
เซวียโหรวเม้มริมฝีปากเบาๆ เธอไม่เข้าใจการกระทำของหลิวเสี่ยวหนิงอยู่บ้าง
หรือว่ายายหนูคนนี้จะมาพูดขอโทษทุกวันวันละรอบหรือ?
จินจิ่นหรานที่อยู่บนเตียงหันศีรษะกลับไป หลุบตาลงเพื่อปกปิดความอ้างว้างในดวงตา
“ไม่ใช่ค่ะคุณน้า ฉัน…” หลิวเสี่ยวหนิงส่ายศีรษะ ฝ่ามือมีเหงื่อเย็น “ครั้งนี้ฉันมาขอโทษคุณค่ะ”
“ขอโทษฉัน? เธอมีเรื่องที่ทำผิดต่อฉันเหรอ?” เซวียโหรวถามอย่างมีน้ำอดน้ำทน
หลิวเสี่ยวหนิงขบริมฝีปากเบาๆ จู่ๆ ก็เปิดปากพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “เรื่องที่รับปากคุณไปก่อนหน้านี้ ฉันเสียใจแล้วค่ะ”
เซวียโหรวหันหน้ากลับไปเหลือบมองจินจิ่นหรานบนเตียง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ดังนั้นเธออยากจะพูดอะไร?”
“ฉันคิดได้แล้วค่ะ ฉันชอบจินจิ่นหราน” หลิวเสี่ยวหนิงพูดอย่างแทบจะไม่ลังเล
ได้ยินประโยคนี้มือของจินจิ่นหรานที่วางบนผ้าห่มก็กำแน่น แต่ยังคงไม่หันหน้ามา
“อ้อ?” นัยน์ตาของเซวียโหรวสว่างวาบ “ถ้าเธอได้ยินมาว่าจินจิ่นหรานฟื้นแล้วจึงมาพูดให้เขายกโทษให้เธอล่ะก็ เชิญออกไปเถอะ”
“ไม่ใช่นะคะ!” หลิวเสี่ยวหนิงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนี้……ฉันรู้ว่าตอนนี้ตนเองมาพูดเรื่องมันน่าตลก ฉันคิดว่าในใจฉันคือความละอายใจและความไม่สบายใจ แต่ไม่ใช่เลย……ฉันชอบเขาค่ะ เพียงแค่ไม่กล้ายอมรับหัวใจตนเองมาตลอดเท่านั้น……”
-ขณะที่พูด น้ำเสียงของหลิวเสี่ยวหนิงก็ยิ่งแหบหนักขึ้นไปอีก ถึงขนาดฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่าฉันมาพูดเรื่องพวกนี้อาจจะสายไปแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้เขาได้รู้……ฉันช่างเห็นแก่ตัวเสียจริง……”
หลิวเสี่ยวหนิงกุมหลังมือของตน เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ทว่าหลังจากพูดเรื่องพวกนี้จบก็รู้สึกว่าตนเองน่าขันยิ่งนัก
ปากพูดว่าไม่ได้อยากได้รับการยกโทษให้ แต่เธอคิดอย่างนี้จริงหรือ?
คิดมาถึงตรงนี้ หลิวเสี่ยวหนิงก็อยากตบหน้าตนเองสักฉาด
“ฉันอยากฟังเขาพูดด้วยตัวเขาเอง แม้จะกลัวถูกเขาปฏิเสธก็ตามที” ที่จริงแล้วหลิวเสี่ยวหนิงอยากแสร้งจะฉีกยิ้มอย่างโล่งใจ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดขอบตาจึงแดงระเรื่อ
เธออยากฟังเสียงของจินจิ่นหราน อยากเจอเขา
ใบหน้าของเซวียโหรวปรากฏร่องรอยความโกรธ เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “คุณหลิว คุณไม่คิดว่าคุณทำแบบนี้เป็นการเห็นแก่ตัวอย่างมากเหรอ? คุณคิดว่าตนเองเป็นใคร?”
ถ้าเธอไม่สืบเรื่องของหลิวเสี่ยวหนิงมาก่อนหน้านี้ น่ากลัวว่าคงสงสัยว่าใจเธออาจจะสิ่งที่ซ่อนเร้นเป็นแน่
หลิวเสี่ยวหนิงไม่ได้พูดอะไร ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ
“ดังนั้นเรื่องคุณรับปากฉันก่อนหน้านี้ไม่นับแล้วเหรอ?” เซวียโหรวถามขึ้นอีกครั้ง
ห้องพักผู้ป่วยเงียบลงกะทันหัน เซวียโหรวหมุนตัวไปมองจินจิ่นหรานที่อยู่บนเตียง สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างหมดทางเลือก
“นี่นับว่าเธอสมใจปรารถนาแล้วหรือยัง?”
เดิมทีหลิวเสี่ยวหนิงคิดว่าเซวียโหรวพูดกับตนเอง เฮจึงเงยหน้าขึ้นอย่างเหม่อลอย กลับพบว่าเวลานี้จินจิ่นหรานที่อยู่บนเตียงหันหน้ากลับมาแล้ว
นาทีที่สายตาทั้งสองคู่สบกัน หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นผิดจังหวะ
หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกว่าแก้มตนเองราวกับถูกไฟไหม้
เมื่อรู้สึกถึง “คลื่นอารมณ์ที่กำลังซัดสาด” ในอากาศ แววตาของเซวียโหรวก็สั่นไหว ยกเท้าขึ้นก้าวไปทางหลิวเสี่ยวหนิง
“แม่……” จินจิ่นหรานเอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เซวียโหรวกัดฟันเงียบๆ มองลูกชายของตนอย่างไม่พอใจ เดิมทีก็คิดว่าลูกชายตนจะทนใจแข็งได้นานขึ้นอีกสักนิด ไม่คิดว่าตอนนี้จะกลับมาปกป้องกันแล้ว
ที่จริงวันที่เซวียโหรวเจอหลิวเสี่ยวหนิงเป็นครั้งแรก ก็มองเรื่องทั้งหมดออกแล้ว เพียงแค่เธอไม่ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
เธอจึงรอ รอเวลาหลิวเสี่ยวหนิงมองหัวใจของตนเองได้กระจ่างแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ เซวียโหรวก็เหลือบไปมองลูกชายที่ใจไม่สู้ของตนเอง “เรียกฉันทำไม? ฉันจะไปสูดอากาศหน่อยไม่ได้หรือไง?”
จินจิ่นหรานชะงักไปเล็กน้อย อยากอ้าปากแก้ตัวเล็กน้อย แต่เซวียโหรวก็ออกไปแล้วโดยไม่สนใจเขาเลย
หลิวเสี่ยวหนิงยืนอยู่ที่เดิมอย่างทำตัวไม่ถูก
และสายตาจินจิ่นหรานที่อยู่บนเตียงก็หลุกหลิกเล็กน้อย สุดท้ายก็มองเพียงแผลผ่าตัดบนมือของตน
บรรยากาศแปลกประหลาดที่อบอวลในห้อง ทำให้เซวียโหรวที่เฝ้ามองอยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ เมื่อหมุนกายก็ควักโทรศัพท์มือถือออกมา
“สามี จิ่นหรานนี่สมกับลูกชายที่คุณให้กำเนิดจริง เหมือนคุณอย่างกับแฝด”
คนปลายสายโทรศัพท์นั้นไม่เข้าใจว่ากำลังพูดอะไร ทำให้เซวียโหรวถอนหายใจ
“ปากบอกว่าปล่อยวาง ผลคือแค่ผู้หญิงเขาก็แทบจะลงจากเตียงไปอยู่ข้างเขาเสียแล้ว”
“จริงสิ ก่อนหน้านี้ฉันคิดมาตลอดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนี้มันแปลกพิกล คุณสืบชัดเจนหรือยัง……”
เซวียโหรวพูดพลางยกเท้าเดินจากไป
ในห้องพักผู้ป่วย หลิวเสี่ยวหนิงยืดบิดมุมชายเสื้อ ใช้นิ้วหยิกฝ่ามืออย่างอดไม่ได้ แล้วจ้องที่ปลายเท้าตนเองอย่างแน่วแน่
“เธอ……”
“จิน……”
อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน จากที่ควรจะสลายบรรยากาศที่แข็งทื่อกลับยิ่งเพิ่มแปลกประหลาดเข้าไปมากกว่าเดิม
หลิวเสี่ยวหนิงเม้มริมฝีปาก จ้องใบหน้าหล่อเหลาของจินจิ่นหราน ร้องไห้ออกมาอย่างใครก็ห้ามไม่ทัน
เหตุการณ์นี้ทำให้จินจิ่นหรานตกใจจนเกือบจะลงจากเตียงมา แต่กระทบกระเทือนไปถึงปากแผล
หลิวเสี่ยวหนิงเห็นดังนั้น รีบร้อนเดินไปข้างเตียงของจินจิ่นหราน “นายเป็นยังไงบ้าง? ให้ฉันเรียกหมอมั้ย?”
จินจิ่นหรานเม้มปากกลับไม่ได้พูดสิ่งใด บังคับสายตาย้ายไปที่อื่น
หลิวเสี่ยวหนิงเห็นดังนั้น นั่งหมิ่นๆ ลงไปบนขอบเตียง หันหน้าไปมองเขา “ขอโทษนะ ล้วนเป็นเพราะฉันโง่เง่า ตอนนี้ถึงเข้าใจ…ฉันไม่ควรเอาแต่ใจ พูดเรื่องเลิกกันออกมา……”
จินจิ่นหรานยังคงไม่พูดจาอะไร
ใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยความปวดใจ หลิวเสี่ยวหนิงถามอย่างระมัดระวังว่า “นายยังปวดหัวอยูมั้ย? หมอว่ายังไงบ้าง จะมีผลข้างเคียง……”
อย่างไรก็ตามคำพูดต่อมาของเธอกลับถูกอุดเอาไว้ หลิวเสี่ยวหนิงจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้มาก แล้วกะพริบตาอย่างงุนงง