นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 590 ไม่กล้าผลีผลาม
“เธอบอกว่า เธอชอบการแสดง ชอบแสดงที่ได้เป็นหลากหลายบทบาท ลิ้มลองการใช้ชีวิตที่แตกต่าง”
จินจิ่นหรานที่พูดด้วยน้ำเสียงเบา พร้อมกับกอดหลิวเสี่ยวหนิงไว้อย่างอ่อนโยน
“เธอบอกว่าเพื่อจะทำตามความฝันให้เป็นจริงเธอเลยต้องพยายามไม่หยุด จนในที่สุดเธอก็ได้มายืนอยู่จุดสูงสุดแล้ว แต่เสี่ยวหนิง ถ้าหากอยากจะยืนอยู่จุดสูงสุด ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคบ้างมั้ย”
จินจิ่นหรานที่โอบกอดหลิวเสี่ยวหนิงไว้อย่างอ่อนโยน เขาก็รู้สึกได้ถึงตัวของเธอที่สั่นเทา เขาเลยลูบผมยาวสลวยของเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน
“ถ้าหากเรื่องเล็กแค่นี้ก็ทำลายชีวิตของเธอได้ ก็จะไม่เหมือนกับหลิวเสี่ยวหนิงที่ฉันเคยรู้จักตั้งแต่แรกเลยนะ”
หลิวเสี่ยวหนิงเบะปากพร้อมกับหันมา:”แต่ว่าฉันได้ก่อเรื่องวุ่นวายตั้งมากมายแล้ว”
“ถ้าหากเธอรู้สึกผิดกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น งั้นก็จงจำไว้ว่าวันนี้เธอจะต้องยิ่งพยายาม จนสุดท้ายด้วยความพยายามก็เอาชนะปัญหาอุปสรรคทุกอย่างได้ไม่ใช่หรอ”
หลิวเสี่ยวหนิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกอึ้งตะลึง
ทันใดนั้นเองหลิวเสี่ยวหนิงก็ตบหน้าตัวเอง ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นคนที่จิตใจอ่อนแอไปได้นะ
ในวงการบันเทิงยังมีคนที่แย่กว่าเธออีกมาก พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้เลย แล้วทำไมตัวเองถึงจะยอมแพ้ด้วยละ
“อีกอย่างเสี่ยวหนิง เธอไม่คิดว่าเรื่องนี้จ้องจะเล่นงานเธอหรอ”
จินจิ่นหรานที่พูดช้าๆ ออกมา “ก่อนหน้านี้เธอเคยพูดกับฉันว่าพวกนักข่าวมาจากบริษัทของพวกเธอ ตอนนี้บริษัทของเธอต้องการโปรโมทเธอ แล้วทำไมถึงได้ปล่อยนักข่าวอย่างนี้เข้ามาในงานได้ละ”
ถึงแม้ว่าจินจิ่นหรานจะเป็นหมอ แต่ก็เกิดในตระกูลจิน เห็นการแข่งขันธุรกิจมาตั้งแต่เล็กจนโต ด้วยเหตุนี้เขาถึงไม่อยากเข้าไปยุ่งแลยหนีมาเป็นหมอแทน
แต่ตอนที่เรื่องมาเกิดกับหลิวเสี่ยวหนิง เห็นได้ชัดว่ามีคนจ้องจะเล่นงานสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์
“เป้าหมายของพวกเขาก็คือใช้เธอเป็นเครื่องมือเล่นงานสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์”จินจิ่นหรานพูดวิเคราะห์อย่างมีสติ
“ใช่แล้ว!”
หลิวเสียงหนิงดีดตัวลุกขึ้นแล้วหันไปพูดกับจินจิ่นหรานด้วยน้ำเสียงจริงจัง”นายพูดถูกแล้ว! ก่อนหน้านี้พี่เสี่ยวฉิงทำเพื่อฉันมาก ผลปรากฏว่าตอนนี้ฉันเลือกที่จะหลบหนีปัญหา ไม่อยู่สู้เคียงข้างเธอ ฉันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”
หลิวเสี่ยวหนิงยกมือขึ้นเคาะหัวของตัวเองแล้วพูดด้วยความรู้สึกกลุ้มใจ
“ดังนั้นเจ้าหญิงน้อยของฉันคิดได้รึยัง”จินจิ่นหรานยกยิ้มแล้วยิ้มพูด
หลิวเสี่ยวหนิงพยักหน้าหงึกๆ ก็มีความคิดยึดมั่นขึ้นมา
เธอจะต้องยิ่งพยายามมากกว่านี้ ใช้ความสามารถของตัวเองทำให้ข่าวเสียหายพวกนี้หายไป
“อีกทั้ง……ถ้าหากเธอไม่แสดงละครต่อ แล้วเธอจะสู้หน้าแฟนคลับของเธอได้ยังไง”
หลิวเสี่ยวหนิงยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นจับปลายคางของจินจิ่นหราน
“แล้วหลิวเสี่ยวหนิงจะมีผลงานออกมาให้ดูเมื่อไหร่หึม”
จินจิ่นหรานที่ขยับหน้ามาใกล้ๆ พร้อมกับกระซิบเบาๆ
“รอต่อไปนะ”หลิวเสี่ยวหนิงตาวาว
“ถ้างั้นอาจารย์หลิวคงต้องให้รางวัลกับแฟนคลับก่อนดีมั้ย”จินจิ่นหรานยิ้มพูดพร้อมมือที่ลูบไล้อยู่ตรงเอวแน่น
หลิวเสี่ยวหนิงยิ้มกว้าง คิดอยู่ชั่วครู่ “เห็นวันนี้นายทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน งั้นให้รางวัลนายก็แล้วกัน”
หลิวเสี่ยวหนิงที่พูดพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วประทับจูบลงไปที่ริมฝีปากของจินจิ่นหราน ราวกับแมลงปอจิกน้ำก็ไม่ปาน
พอเห็นเขามีท่าทางผิดหวัง สายตาน่าสงสารของเขามองมาที่หลิวเสี่ยวหนิง
“ทำไงดี ฉันรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาแล้ว วันนี้ตอนบ่ายผ่าตัดติดต่อกันเป็นเวลานาน”
ตอนนี้จินจิ่นหรานเริ่มแสร้งทำตัวเองน่าสงสาร หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“งั้น…….”
หลิวเสี่ยวหนิงทำตาล่อกแล่กเตรียมที่จะขยับไปหอมแก้มเขา แต่คิดไม่ถึงว่าจินจิ่นหรานจะหันกลับมาแล้วมาประกบเข้ากับริมฝีปากของหลิวเสี่ยวหนิง พร้อมกับกดตัวของเธอลงบนโซฟา
“จินจิ่นหราน!”หลิวเสี่ยวหนิงตะโกนเรียก แต่คำพูดต่อมาก็ถูกดูดกลืนลงไป
…………..
“โอเค ฉันรู้แล้ว”
ซูฉิงวางสายแล้ว แววตาไหวระริก
เธอส่งคนไปสืบเรื่องของสวีหว่านเอ๋อร์ จนรู้ข่าวว่าช่วงนี้ตระกูลสวีได้ส่งเธอไปต่างประเทศ
สวีหว่านเอ๋อร์ถูกขังไว้ในบ้านตระกูลสวีตลอด นอกจากสวีมู่หยางแล้ว เหมือนเธอจะติดต่อใครไม่ได้
แต่ว่าถ้าหากว่าเป็นสวีมู่หยาง ซูฉิงไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องเสียงแรงเปล่าอย่างนี้
และทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงานของซูฉิง เธอขานรับแล้วก็เห็นเลขาถือเอกสารเข้ามา
“นี่คือข้อมูลของนักข่าวคนนั้นค่ะ”
เลขายื่นเอกสารไปตรงหน้าซูฉิง ซูฉิงเปิดอ่านแล้วก็รู้สึกแปลกใจ
ก่อนหน้านี้ซูฉิงได้ข่าวมาว่านักข่าวคนนี้ทำงานอยู่ที่นิตยสารบันเทิง มีหน้าที่ทำข่าวขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของดารานักแสดง เพื่อดึงดูดความสนใจถึงกับตั้งใจเขียนข่าวปลอมขึ้นมา ตอนนั้นก็ทำให้มีข่าวเสียหายออกมา
นักข่าวคนนี้ถือโอกาสที่คนไม่สนใจเข้ามาในงาน ตอนที่ได้ยินว่านักข่าวบันเทิงคนหนึ่งยังไม่มา เธอก็เลยถามคำถาม
เหมือนจะไม่มีคนอยู่เบื้องหลังคอยบงการ
เลขาที่เห็นท่าทางของซูฉิงก็รีบพูด:”ตามที่นักข่าวคนนี้พูด ฉันได้ไปตรวจดูกล้องวงจรปิดในช่วงเวลาแถลงข่าวแล้ว ก็พบว่าเธอแอบเข้ามาคนเดียวจริงค่ะ”
ซูฉิงเม้มปาก นิ้วที่เสียดสีกันไปมา หรือว่าตนจะคิดมากเกินไป
แต่ว่าพอคิดมาถึงตอนนี้ ซูฉิงก็ถอนหายใจออกมา เธอไม่ชอบจัดการปัญหาพวกนี้ของบริษัทเลย ดูนานแล้วก็ทำให้สงสัยไปหมด
“ตอนนี้คอมเมนท์ด้านลบในโซเชียลเป็นยังไงบ้าง”
ซูฉิงวางเอกสารไว้ด้านข้างแล้วเอ่ยถามเรื่องที่สำคัญมากกว่า
“เมื่อวานฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้จัดการแล้ว และตอนนี้ก็ทำเรื่องโปรโมทละครเรื่องใหม่ ถ้าหากเจอคอมเมนท์ไม่ดีก็รีบลบ ดีที่แฟนคลับของหลิวเสี่ยวหนิงดีไม่เลว เลยไม่มีผลกระทบมาก “เลขารายงานจริงจัง
ซูฉิงพยักหน้า สำหรับแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทแล้ว เธอเลยค่อนข้างวางใจ
“ในเมื่อสืบข้อมูลของนักข่าวคนนี้ได้แล้ว รีบให้เธอกับบริษัทของเธอออกแถลงขอโทษก็โอเคแล้ว”
ลูกน้องขานรับแล้วก็เตรียมทำตามคำสั่งการของซูฉิง
ซูฉิงมองดูนาฬิกาบนข้อมือ ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอเลยเก็บของเตรียมตัวจะกลับบ้าน
และตอนที่เดินมาถึงลานจอดรถ เธอสังเกตได้ว่าเหมือนมีคนกำลังสะกดรอยตามเธออยู่
ซูฉิงล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยสีหน้าปกติ
ไม่แน่ใจว่ามีคนตามเธอกี่คน ดังนั้นซูฉิงเลยไม่กล้าผลีผลาม
รอให้คนที่เดินตามมาเดินเข้ามาใกล้ ซูฉิงเลยตั้งใจยืนตรงที่มีกล้องวงจรปิด แล้วตอนที่เธอจะล้วงเอากุญแจรถออกมา ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาจากทางด้านหลัง
ซูฉิงคว้าที่ข้อมืออย่างรวดเร็ว แล้วบิดอย่างแรง และขณะที่เบี่ยงตัวไปด้านหลังก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา
“หยุด! ฉันเอง ฉันเอง!”
ซูฉิงได้ยินเสียงคุ้นหู และตอนที่หันไปมองก็เห็นคนคุ้นตานั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยหน้าตาน่าสงสาร