คุรุการแพทย์ – บทที่ 79 ร้องเพลงคู่กัน!

คุรุการแพทย์

บทที่ 79 ร้องเพลงคู่กัน!

บทที่ 79 ร้องเพลงคู่กัน!

เจียงเหมี่ยวอวี๋มองไปที่ฟางชิวด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าฟางชิวจะเลือกเพลงนี้

เพราะมันเป็นเพลงที่ไพเราะมากเพลงหนึ่ง

ฟังไปฟังมาก็เห็นได้เลยว่าฟางชิวที่เคยแลดูเย็นชาและไม่แยแสใคร กลับกลายเป็นฟางชิวที่มีจิตใจอ่อนโยนและไร้เดียงสา!

บางทีนี่อาจเป็นตัวตนจริง ๆ ของฟางชิวก็ได้

รูมเมตทั้งสามคนกับบรรดานักศึกษาฟังเพลงอย่างมีความสุข รอยยิ้มประดับประดาอยู่บนใบหน้าของพวกเขา

แน่นอนว่าถ้าเป็นฟางชิวแล้ว อย่างไรซะเรื่องราวหรือปัญหาอะไรก็ตาม เขาต้องทำได้ดีอยู่แล้ว

เพราะมาก!

“ได้ยินว่าปีเตอร์แพนจะเป็นเด็กตลอดไป

แจ็กมีพิณและมนต์วิเศษ

ได้ยินว่าในป่าลึกมีบ้านขนมหวาน

ซินเดอเรลลาทำรองเท้าแก้วสุดที่รักหล่นหาย…”

หลังจากร้องเนื้อเพลงแค่แปดประโยคง่าย ๆ ออกมา พวกเขาทั้งหมดก็จมอยู่ในเสียงเพลง ราวกับว่าไม่ได้ฟังเพลง แต่กำลังทำกิจวัตรประจำวันทั่วไป

ทุกบทเพลงคือเทพนิยาย

บางคนถึงกับหลับตาพริ้มด้วยความยินดี แล้วภาพของเทพนิยายเรื่องหนึ่งผุดขึ้นในจิตใจของพวกเขา

ในเวลานี้ก็ได้เสียงคอรัสดังขึ้นมา

“มีแค่สายน้ำแห่งนั้นเท่านั้นที่รู้

สโนว์ไวต์ออกจากปราสาทไปเที่ยวเล่น

หนูน้อยหมวกแดงข่มใจตัวเอง

จากการกลายเป็นหมาป่าด้วยเสื้อคลุมสีแดง…”

ทันทีที่เนื้อเพลงนี้ถูกร้องออกมา คนที่มีประสบการณ์ชีวิตหลายคนก็ตกตะลึง

ทุกคนมองฟางชิวด้วยความตกใจ!

ประโยคนี้…

เขียนดีมาก!

พวกเขาผ่านความทุกข์ยากของชีวิตมามากมาย ทำให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาดแกมโกง

พวกเขาเป็นเหมือนสโนว์ไวต์ที่ถูกราชินีขับไล่ออกจากวัง และเป็นเหมือนหนูน้อยหมวกแดงที่ถูกหมาป่าหลอกลวงและกดขี่ข่มเหง แต่สุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์กับราชินีผู้ใจร้าย

แต่ทุกครั้งที่พวกเขาฝัน ภาพวัยเด็กที่ไร้ความกังวลก็จะย้อนกลับมา

ฟังแล้วอบอุ่นในหัวใจเหลือเกิน

พวกเขาคิดว่าที่พวกเขาหนีออกจากปราสาทไม่ใช่เพราะปราสาทไม่น่าอยู่ แต่เป็นเพราะความดื้อรั้นของพวกเขาเอง

พวกเขายังมีเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่อยู่อีกไหมนะ ถ้ามีมันก็จะได้กลับไปเป็นหนูน้อยหมวกแดงอีกครั้ง

แต่ว่า จะกลับไปได้จริงหรือ

ไม่ได้อยู่แล้ว

แต่พวกเขาก็อยากกลับไป!

“มีแม่น้ำสีสดใสคดเคี้ยวในเมืองเทพนิยายอยู่เสมอ

เจือไปด้วยมนต์ วกวนไปด้วยความรัก

ธารน้ำไหลไม่ขาดสาย ย้อนกลับไปในห้วงเวลา

ให้เรื่องราวที่ผ่านมายาวนานในอดีต ได้พบกับจุดจบที่สวยงาม…”

ครึ่งเพลงสิ้นสุดลง

หญิงสาวที่สวมหมวกเบสบอลไม่ได้อยากจะเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นเพื่อมองดูฟางชิว

ไพเราะจริง ๆ!

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงที่ไพเราะแบบนี้

ไม่ใช่แค่สาว ๆ เท่านั้น แต่ฝูงชนก็พากระซิบกระซาบคุยกันด้วยความตื่นเต้น

“เพลงนี้เพราะมาก!”

“ฟังดูแล้วเป็นเพลงที่เพราะมากเลยจริง ๆ”

“แต่ทำไมฉันถึงอยากร้องไห้ออกมาล่ะ”

“เพลงนี้ย้อนแย้งอะ ฟังแล้วเหมือนจะหวานแหววชวนฝัน แต่กลับทิ้งความโศกเศร้าไว้ในใจฉัน”

“โดยเฉพาะประโยคที่ร้องว่า ‘สโนว์ไวต์ออกจากปราสาทไปเที่ยวเล่น หนูน้อยหมวกแดงข่มใจตัวเอง จากการกลายเป็นหมาป่าด้วยเสื้อคลุมสีแดง…’ ไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงรู้สึกอยากจะร้องไห้!”

พวกเขาไม่เข้าใจ ผู้ชายคนนี้ร้องเพลงได้ถึงอารมณ์ขนาดนี้ได้อย่างไร

เมื่อได้ฟังแล้วพวกเขาก็มีความสุขมาก แต่ก็อยากร้องไห้ออกมาเหมือนกัน

สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้ว เพลงนี้ต้องร้องให้เข้าถึงอารมณ์และเรื่องราวมากมาย แต่เด็กผู้ชายคนนี้กลับร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่อบอุ่นหัวใจเหมือนแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ไหลออกมา ทำให้คนเคลิ้บเคลิ้มไม่น้อยเลย

“เพลงนี้คนธรรมดาร้องไม่ได้นะ”

“ร้องได้ดีมาก ไม่เลวเลย”

“เหนือกว่าคำว่าดีอีก เขาร้องเพลงตามอารมณ์ของเนื้อเพลง ที่น่าทึ่งที่สุดก็คือเสียงเข้ากับเพลง ลงตัวมากเลยล่ะ”

“เด็กคนนี้รู้วิธีเลือกเพลงจริง ๆ”

พนักงานของบริษัทบันเทิงถอนหายใจขณะฟังฟางชิวร้องเพลง

ชายวัยกลางคนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด และแล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

ในตอนแรก เขาได้เตรียมบทเพลงเอาไว้อีกหนึ่งบทเพื่อทดสอบว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะร้องอย่างไร

แต่หลังจากฟังไปแค่ครึ่งเพลงแล้ว เขาก็รู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องฟังอีกต่อไป

นี่เป็นปรมาจารย์อย่างแน่นอน!

ผู้เชี่ยวชาญในการร้องเพลง!

เขารู้สึกว่าเขาได้เจอหยกในหินและไม่ใช่หยกที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน แต่เป็นหยกบริสุทธิ์ที่ผ่านการเจียระไนมาแล้ว!

ไม่ได้การ!

ชายหนุ่มคนนี้ต้องเซ็นสัญญากับเขา ถึงจะจับมาเซ็นสัญญาด้วยไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องทำความรู้จักเอาไว้ก่อน!

ไม่ใช่ว่าเขามีความสุขที่ได้เห็นคนมีความสามารถ เทียบกับหญิงสาวที่เขากำลังดันแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นโดดเด่นจริง ๆ

เขาคิดว่าเด็กปั้นของตนน่าทึ่งแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีอีกคนที่น่าทึ่งเช่นกัน

คืนนี้นับว่าคุ้ม!

“ได้ยินมาว่าเจ้าหญิงนิทราถูกฝัง

นางเงือกก็เฝ้ามองพระราชวังทองคำ

ได้ยินมาว่าอพอลโลกลายเป็นนกสีทอง

ในทุ่งหญ้ามีเสือเขี้ยวดาบวิ่งไปมา…”

ครึ่งหลังของเพลงได้เริ่มต้นขึ้น

ทุกคนหยุดพูดทันที

จากที่มีแต่เสียงโหวกเหวกโวยวาย ตอนนี้มีเพียงเสียงร้องของฟางชิวเท่านั้น

คนเข้ามาดูมากขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แค่ฟังเพลงอย่างเงียบ ๆ แล้วอินไปกับเพลง เหตุการณ์นี้กลายเป็นภาพแปลกตา

จัตุรัสขนาดใหญ่ที่มีผู้คนจำนวนมาก แต่กลับเงียบสงัด มีแค่เสียงร้องเพลงอันไพเราะเพียงเสียงเดียวเท่านั้น

ทุกคนพากันยืนนิ่ง ๆ จนใกล้จบเพลง

“มีแม่น้ำสีสดใสคดเคี้ยวในเมืองเทพนิยายอยู่เสมอ

แยกความฝัน แยกความเป็นจริง

มาเจอกันอีกครั้งที่ทางผ่านของภูเขา

ธารน้ำไหลไม่ขาดสาย

ย้อนพากลับไปในห้วงเวลา

ให้เรื่องราวที่ผ่านมายาวนานในอดีต

ได้พบกับจุดจบที่สวยงาม

แล้วกลายเป็นคนแปลกหน้า”

การลากเสียงอันมีเสน่ห์ของฟางชิวนั้นสมบูรณ์แบบมาก

ฟางชิววางมือแล้วโค้งคำนับด้วยกีตาร์ที่ยังอยู่ในอ้อมแขน

เมื่อทุกคนได้สติกลับมา พวกเขาก็ปรบมือชื่นชมด้วยความอิ่มเอมใจทันที!

“เพราะมาก!”

“เพราะเกินไปแล้ว! คนคนนี้อนาคตไกลแน่นอน!”

“ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะอย่างนี้ ทำไมไม่ไปเดอะวอยซ์ล่ะ”

“น้ำเสียงแบบนี้จะไปเดอะวอยซ์ทำไมให้เสียเวลา ไปไลฟ์สดแล้วกลายเป็นคนดังในอินเทอร์เน็ตดีกว่า! ถ้าฉันมีเงิน ฉันจะส่งจรวด*[1] ให้เขาทุกวันเลย! และก็ส่งรถสปอร์ต*[2] ด้วย!”

ในขณะที่ผู้ชมกำลังปรบมืออยู่นั้น ทุกคนก็มุ่งความสนใจไปที่ฟางชิว คำพูดสรรเสริญมากมายก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย

พนักงานจากบริษัทเพลงต่างก็ปรบมือเสียงเกรียวกราว

ไม่มีใครฝืนใจปรบเลย เพราะทุกคนยอมรับว่าฟางชิวร้องเพลงเพราะมาก!

เพื่อนร่วมชั้นพากันปรบมือจนมือแดงเถือก แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดแต่อย่างใด

สิ่งที่ได้รับจากฟางชิวนั้น เป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดก่อนการเดินทางของทุกคน!

ฟางชิวโค้งคำนับขอบคุณ เขาคลี่ยิ้มแล้วยื่นกีตาร์คืนให้หญิงสาว

ทันใดนั้น ก็มีคนที่อยากจะดูความสนุกอีกครั้งได้ตะโกนขึ้นมาว่า

“อีกเพลง! ขออีกเพลง!”

เมื่อได้ยินแล้ว ใบหน้าของฟางชิวก็หดหู่ลงทันที

เสียงนี้คุ้นหูมาก!

พอหันหน้าไปมอง ฟางชิวก็เห็นว่าซุนฮ่าวกำลังตะโกนพร้อมกับปรบมืออยู่

เขาใช้สายตาดุจ้องซุนฮ่าว

นี่ไม่ใช่กำลังหาเรื่องให้เขาลำบากหรอกหรือ!

ซุนฮ่าวไม่สนใจสายตาของชายหนุ่ม แต่เหล่ตาไปมองเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วตะโกนขึ้นมาว่า “เจียงเหมี่ยวอวี๋ เจียงเหมี่ยวอวี๋ ร้องคู่กัน ร้องคู่กัน…”

ขณะที่ตะโกนอยู่นั้น เขาก็ได้บิดเอวของโจวเสี่ยวเทียนที่อยู่ด้านข้างด้วย

“โอ๊ย” โจวเสี่ยวเทียนรู้สึกถึงความเจ็บปวดในทันที แล้วเขาก็ตะโกนออกมาว่า “ร้องคู่กับเจียงเหมี่ยวอวี๋! ร้องคู่กับเจียงเหมี่ยวอวี๋!”

ตะโกนเสร็จ โจวเสี่ยวเทียนก็จะบิดเอวพี่ใหญ่อย่างจูเปิ่นเจิ้งด้วย สุดท้ายไม่ทันได้บิด จูเปิ่นเจิ้งก็วิ่งหนีไปแล้ว แต่ก็ตะโกนอย่างรู้หน้าที่ “ร้องคู่กับเจียงเหมี่ยวอวี๋! ร้องคู่กับเจียงเหมี่ยวอวี๋!”

เพราะเสียงตะโกนนี้เอง นักศึกษาคนอื่น ๆ ตะโกนตามทันที

“ร้องคู่กัน ร้องคู่กัน…” กลุ่มคนเริ่มตะโกนเป็นจังหวะมากขึ้น

คนรอบข้างทุกคนมองกลุ่มนักศึกษาด้วยรอยยิ้ม

น่าสนใจจัง

เป็นวัยรุ่นนี่ดีจังเลยนะ!

ฟางชิวมองไปที่รูมเมตทั้งสามคนด้วยสีหน้ามืดดำเหมือนก้นหม้อ

นี่เป็นการแก้แค้นที่เขาไม่ยอมเลี้ยงข้าวพวกนั้นแน่นอน!

ผู้นำอย่างซุนฮ่าวตะโกนสุดเสียง เขาขยิบตา ส่งยิ้มให้ฟางชิวราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ไหน ๆ ก็จะร้องด้วยกันแล้ว ทำไมไม่ร้องเพลงรักล่ะ?

จู่ ๆ ความคิดอันชั่วร้ายนี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวของซุนฮ่าว

เขาจึงตะโกนทันทีว่า “ร้องเพลงวันนี้เธอต้องแต่งงานกับฉันนะ”!

“ร้องเพลงความรักของกะลาสีเรือสิ! น้องสาวนั่งรออยู่บนเรือแล้วนะ~” โจวเสี่ยวเทียนตะโกนเสริมขึ้นมา

ทุกคนจึงหัวเราะกันทั่วหน้า

เด็กพวกนี้บ้าบอจริง ๆ!

ชายวัยกลางคนที่อยู่นอกฝูงชนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

นักศึกษากลุ่มนั้นมองไปที่เจียงเหมี่ยวอวี๋กับฟางชิวด้วยสายตาคลุมเครือ

เจียงเหมี่ยวอวี๋พลันหน้าแดงทันที ส่วนโจวเจิ้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่พอใจที่เห็นเรื่องราวกลายเป็นอย่างนี้

ฟางชิวรู้ดีว่าถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะเจอลูกไม้แปลก ๆ อีกไหม เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับรูมเมตทั้งสามคนนี้แล้ว!

เขาพร้อมที่จะคืนกีตาร์ก่อนที่จะไปกันใหญ่

แต่ในเวลานั้น เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ได้มองไปที่ฟางชิวก่อนจะเดินออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน

เมื่อเจียงเหมี่ยวอวี๋ปรากฏตัวขึ้น เสียงโห่ร้องก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง

เป็นเหตุให้คนรอบข้างรู้ว่าใครคือเจียงเหมี่ยวอวี๋

แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋ ทุกสายตาก็ตกตะลึง

สวยเกินไปแล้ว!

ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวในขณะนี้จะมืดลงทันตา

ชายวัยกลางคนมองเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยความประหลาดใจ เมื่อครู่เขาแค่สังเกตเด็กหนุ่มที่กำลังร้องเพลงอยู่เท่านั้น เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีสาวสวยขนาดนี้อยู่ในกลุ่มนักศึกษาด้วย

ดูแล้วเด็กสองคนนี้น่าจะกำลังสนใจกันอยู่นะ?

ฟางชิวยังมองหน้าเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยมึนงง

เขาไม่รู้ว่าทำไมเจียงเหมี่ยวอวี๋ถึงเดินออกมา

“มาร้องเพลงด้วยกันไหม” เจียงเหมี่ยวอวี๋เดินไปหาฟางชิวด้วยท่าทางเขินอายนิดหน่อย

“ได้สิ” ฟางชิวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็ตอบตกลง “พวกเราจะร้องเพลงอะไรดี”

“เพลงของขวัญพิธีเปิดเทอมไง” เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มและพูดอย่างหนักแน่น

ฟางชิวได้ยินแล้วก็ชะงัก เขามองหน้าเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยความสงสัยแล้วหัวเราะออกมา

เขาหัวเราะได้สดใสมาก

ฟางชิวหันหน้าไปมองไปที่หญิงสาวที่สวมหมวกเบสบอลแล้วถามว่า

“ขอร้องเพลงอีกเพลงได้ไหมครับ” หญิงสาวเหลือบฟางชิว จากนั้นเธอก็เหลือบไปมองเจียงเหมี่ยวอวี๋ ก่อนที่จะพยักหน้าเบา ๆ

แม้ว่าเธอจะได้สบสายตากับฟางชิวแล้ว แต่เธอก็ยังคงก้มหัวลงเหมือนเดิม ใครจะได้ไม่เห็นใบหน้าของเธอ

“เริ่มกันเลยเถอะ” ฟางชิวหันกลับมาพูดกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยรอยยิ้ม

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มรับ จากนั้นเสียงกีตาร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นทำนองของเพลงของขวัญพิธีเปิดเทอม

แม้ว่าเขาจะเล่นเป็นครั้งแรก แต่ตัวโน้ตก็ได้อยู่ในสมองของเขาหมดแล้ว

ครั้งนี้เขาไม่ได้อธิบายอะไรให้คนรอบข้างฟังเหมือนตอนที่ร้องเพลง ‘เมืองเทพนิยาย’ เพราะไม่มีอะไรจะอธิบาย และไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วย

เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ได้ไปยืนประจำแหน่งนักร้อง แล้วเปิดปากร้องเพลงออกมา

ฟางชิวก็เล่นกีตาร์ด้วยท่าทางนิ่ง ๆ

แม้ว่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่พิธีเปิดครั้งนั้น และผ่านไปแล้วกว่าสิบวันนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน แต่ทั้งสองคนก็ร้องเพลงด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ

“นักศึกษาทุก ๆ คน

หาที่นั่งของตัวเอง

นี่คือพิธีเปิดเทอมของพวกคุณ…”

ทันทีที่เจียงเหมี่ยวอวี๋เริ่มร้องเพลง ทุกคนก็ตกตะลึงทันที

ไม่มีใครคาดคิดว่าเสียงของเธอไพเราะและอ่อนหวานมากขนาดนี้!

ชายวัยกลางคนที่อยู่นอกฝูงชนก็ตกใจและตื่นเต้น

มาอีกคนแล้ว!

เพราะมาก!

วันนี้มีขนม*[3] ตกลงมาจากฟ้าแล้ว!

เมื่อได้ยินเสียงร้องประโยคแรก ฟางชิวก็อดคิดไม่ได้ เสียงร้องของเจียงเหมี่ยวอวี๋ตอนนี้เพราะยิ่งกว่าวันพิธีเปิดซะอีก

[1] จรวด ในที่นี้หมายถึงของขวัญบนแพลตฟอร์มไลฟ์สดออนไลน์

[2] รถสปอร์ต ในที่นี้หมายถึงของขวัญบนแพลตฟอร์มไลฟ์สดออนไลน์

[3] ขนมตกลงมาจากฟ้า การเปรียบเปรยว่า อยู่ดี ๆ ก็มีโชคลาภหรือสิ่ง ๆ ดีลอยเข้ามาหา

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท