บทที่ 79 ร้องเพลงคู่กัน!
บทที่ 79 ร้องเพลงคู่กัน!
เจียงเหมี่ยวอวี๋มองไปที่ฟางชิวด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าฟางชิวจะเลือกเพลงนี้
เพราะมันเป็นเพลงที่ไพเราะมากเพลงหนึ่ง
ฟังไปฟังมาก็เห็นได้เลยว่าฟางชิวที่เคยแลดูเย็นชาและไม่แยแสใคร กลับกลายเป็นฟางชิวที่มีจิตใจอ่อนโยนและไร้เดียงสา!
บางทีนี่อาจเป็นตัวตนจริง ๆ ของฟางชิวก็ได้
รูมเมตทั้งสามคนกับบรรดานักศึกษาฟังเพลงอย่างมีความสุข รอยยิ้มประดับประดาอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
แน่นอนว่าถ้าเป็นฟางชิวแล้ว อย่างไรซะเรื่องราวหรือปัญหาอะไรก็ตาม เขาต้องทำได้ดีอยู่แล้ว
เพราะมาก!
“ได้ยินว่าปีเตอร์แพนจะเป็นเด็กตลอดไป
แจ็กมีพิณและมนต์วิเศษ
ได้ยินว่าในป่าลึกมีบ้านขนมหวาน
ซินเดอเรลลาทำรองเท้าแก้วสุดที่รักหล่นหาย…”
หลังจากร้องเนื้อเพลงแค่แปดประโยคง่าย ๆ ออกมา พวกเขาทั้งหมดก็จมอยู่ในเสียงเพลง ราวกับว่าไม่ได้ฟังเพลง แต่กำลังทำกิจวัตรประจำวันทั่วไป
ทุกบทเพลงคือเทพนิยาย
บางคนถึงกับหลับตาพริ้มด้วยความยินดี แล้วภาพของเทพนิยายเรื่องหนึ่งผุดขึ้นในจิตใจของพวกเขา
ในเวลานี้ก็ได้เสียงคอรัสดังขึ้นมา
“มีแค่สายน้ำแห่งนั้นเท่านั้นที่รู้
สโนว์ไวต์ออกจากปราสาทไปเที่ยวเล่น
หนูน้อยหมวกแดงข่มใจตัวเอง
จากการกลายเป็นหมาป่าด้วยเสื้อคลุมสีแดง…”
ทันทีที่เนื้อเพลงนี้ถูกร้องออกมา คนที่มีประสบการณ์ชีวิตหลายคนก็ตกตะลึง
ทุกคนมองฟางชิวด้วยความตกใจ!
ประโยคนี้…
เขียนดีมาก!
พวกเขาผ่านความทุกข์ยากของชีวิตมามากมาย ทำให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาดแกมโกง
พวกเขาเป็นเหมือนสโนว์ไวต์ที่ถูกราชินีขับไล่ออกจากวัง และเป็นเหมือนหนูน้อยหมวกแดงที่ถูกหมาป่าหลอกลวงและกดขี่ข่มเหง แต่สุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์กับราชินีผู้ใจร้าย
แต่ทุกครั้งที่พวกเขาฝัน ภาพวัยเด็กที่ไร้ความกังวลก็จะย้อนกลับมา
ฟังแล้วอบอุ่นในหัวใจเหลือเกิน
พวกเขาคิดว่าที่พวกเขาหนีออกจากปราสาทไม่ใช่เพราะปราสาทไม่น่าอยู่ แต่เป็นเพราะความดื้อรั้นของพวกเขาเอง
พวกเขายังมีเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่อยู่อีกไหมนะ ถ้ามีมันก็จะได้กลับไปเป็นหนูน้อยหมวกแดงอีกครั้ง
แต่ว่า จะกลับไปได้จริงหรือ
ไม่ได้อยู่แล้ว
แต่พวกเขาก็อยากกลับไป!
“มีแม่น้ำสีสดใสคดเคี้ยวในเมืองเทพนิยายอยู่เสมอ
เจือไปด้วยมนต์ วกวนไปด้วยความรัก
ธารน้ำไหลไม่ขาดสาย ย้อนกลับไปในห้วงเวลา
ให้เรื่องราวที่ผ่านมายาวนานในอดีต ได้พบกับจุดจบที่สวยงาม…”
ครึ่งเพลงสิ้นสุดลง
หญิงสาวที่สวมหมวกเบสบอลไม่ได้อยากจะเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นเพื่อมองดูฟางชิว
ไพเราะจริง ๆ!
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงที่ไพเราะแบบนี้
ไม่ใช่แค่สาว ๆ เท่านั้น แต่ฝูงชนก็พากระซิบกระซาบคุยกันด้วยความตื่นเต้น
“เพลงนี้เพราะมาก!”
“ฟังดูแล้วเป็นเพลงที่เพราะมากเลยจริง ๆ”
“แต่ทำไมฉันถึงอยากร้องไห้ออกมาล่ะ”
“เพลงนี้ย้อนแย้งอะ ฟังแล้วเหมือนจะหวานแหววชวนฝัน แต่กลับทิ้งความโศกเศร้าไว้ในใจฉัน”
“โดยเฉพาะประโยคที่ร้องว่า ‘สโนว์ไวต์ออกจากปราสาทไปเที่ยวเล่น หนูน้อยหมวกแดงข่มใจตัวเอง จากการกลายเป็นหมาป่าด้วยเสื้อคลุมสีแดง…’ ไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงรู้สึกอยากจะร้องไห้!”
พวกเขาไม่เข้าใจ ผู้ชายคนนี้ร้องเพลงได้ถึงอารมณ์ขนาดนี้ได้อย่างไร
เมื่อได้ฟังแล้วพวกเขาก็มีความสุขมาก แต่ก็อยากร้องไห้ออกมาเหมือนกัน
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้ว เพลงนี้ต้องร้องให้เข้าถึงอารมณ์และเรื่องราวมากมาย แต่เด็กผู้ชายคนนี้กลับร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่อบอุ่นหัวใจเหมือนแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ไหลออกมา ทำให้คนเคลิ้บเคลิ้มไม่น้อยเลย
“เพลงนี้คนธรรมดาร้องไม่ได้นะ”
“ร้องได้ดีมาก ไม่เลวเลย”
“เหนือกว่าคำว่าดีอีก เขาร้องเพลงตามอารมณ์ของเนื้อเพลง ที่น่าทึ่งที่สุดก็คือเสียงเข้ากับเพลง ลงตัวมากเลยล่ะ”
“เด็กคนนี้รู้วิธีเลือกเพลงจริง ๆ”
พนักงานของบริษัทบันเทิงถอนหายใจขณะฟังฟางชิวร้องเพลง
ชายวัยกลางคนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด และแล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
ในตอนแรก เขาได้เตรียมบทเพลงเอาไว้อีกหนึ่งบทเพื่อทดสอบว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะร้องอย่างไร
แต่หลังจากฟังไปแค่ครึ่งเพลงแล้ว เขาก็รู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องฟังอีกต่อไป
นี่เป็นปรมาจารย์อย่างแน่นอน!
ผู้เชี่ยวชาญในการร้องเพลง!
เขารู้สึกว่าเขาได้เจอหยกในหินและไม่ใช่หยกที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน แต่เป็นหยกบริสุทธิ์ที่ผ่านการเจียระไนมาแล้ว!
ไม่ได้การ!
ชายหนุ่มคนนี้ต้องเซ็นสัญญากับเขา ถึงจะจับมาเซ็นสัญญาด้วยไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องทำความรู้จักเอาไว้ก่อน!
ไม่ใช่ว่าเขามีความสุขที่ได้เห็นคนมีความสามารถ เทียบกับหญิงสาวที่เขากำลังดันแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นโดดเด่นจริง ๆ
เขาคิดว่าเด็กปั้นของตนน่าทึ่งแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีอีกคนที่น่าทึ่งเช่นกัน
คืนนี้นับว่าคุ้ม!
“ได้ยินมาว่าเจ้าหญิงนิทราถูกฝัง
นางเงือกก็เฝ้ามองพระราชวังทองคำ
ได้ยินมาว่าอพอลโลกลายเป็นนกสีทอง
ในทุ่งหญ้ามีเสือเขี้ยวดาบวิ่งไปมา…”
ครึ่งหลังของเพลงได้เริ่มต้นขึ้น
ทุกคนหยุดพูดทันที
จากที่มีแต่เสียงโหวกเหวกโวยวาย ตอนนี้มีเพียงเสียงร้องของฟางชิวเท่านั้น
คนเข้ามาดูมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แค่ฟังเพลงอย่างเงียบ ๆ แล้วอินไปกับเพลง เหตุการณ์นี้กลายเป็นภาพแปลกตา
จัตุรัสขนาดใหญ่ที่มีผู้คนจำนวนมาก แต่กลับเงียบสงัด มีแค่เสียงร้องเพลงอันไพเราะเพียงเสียงเดียวเท่านั้น
ทุกคนพากันยืนนิ่ง ๆ จนใกล้จบเพลง
“มีแม่น้ำสีสดใสคดเคี้ยวในเมืองเทพนิยายอยู่เสมอ
แยกความฝัน แยกความเป็นจริง
มาเจอกันอีกครั้งที่ทางผ่านของภูเขา
ธารน้ำไหลไม่ขาดสาย
ย้อนพากลับไปในห้วงเวลา
ให้เรื่องราวที่ผ่านมายาวนานในอดีต
ได้พบกับจุดจบที่สวยงาม
แล้วกลายเป็นคนแปลกหน้า”
การลากเสียงอันมีเสน่ห์ของฟางชิวนั้นสมบูรณ์แบบมาก
ฟางชิววางมือแล้วโค้งคำนับด้วยกีตาร์ที่ยังอยู่ในอ้อมแขน
เมื่อทุกคนได้สติกลับมา พวกเขาก็ปรบมือชื่นชมด้วยความอิ่มเอมใจทันที!
“เพราะมาก!”
“เพราะเกินไปแล้ว! คนคนนี้อนาคตไกลแน่นอน!”
“ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะอย่างนี้ ทำไมไม่ไปเดอะวอยซ์ล่ะ”
“น้ำเสียงแบบนี้จะไปเดอะวอยซ์ทำไมให้เสียเวลา ไปไลฟ์สดแล้วกลายเป็นคนดังในอินเทอร์เน็ตดีกว่า! ถ้าฉันมีเงิน ฉันจะส่งจรวด*[1] ให้เขาทุกวันเลย! และก็ส่งรถสปอร์ต*[2] ด้วย!”
…
ในขณะที่ผู้ชมกำลังปรบมืออยู่นั้น ทุกคนก็มุ่งความสนใจไปที่ฟางชิว คำพูดสรรเสริญมากมายก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย
พนักงานจากบริษัทเพลงต่างก็ปรบมือเสียงเกรียวกราว
ไม่มีใครฝืนใจปรบเลย เพราะทุกคนยอมรับว่าฟางชิวร้องเพลงเพราะมาก!
เพื่อนร่วมชั้นพากันปรบมือจนมือแดงเถือก แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดแต่อย่างใด
สิ่งที่ได้รับจากฟางชิวนั้น เป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดก่อนการเดินทางของทุกคน!
ฟางชิวโค้งคำนับขอบคุณ เขาคลี่ยิ้มแล้วยื่นกีตาร์คืนให้หญิงสาว
ทันใดนั้น ก็มีคนที่อยากจะดูความสนุกอีกครั้งได้ตะโกนขึ้นมาว่า
“อีกเพลง! ขออีกเพลง!”
เมื่อได้ยินแล้ว ใบหน้าของฟางชิวก็หดหู่ลงทันที
เสียงนี้คุ้นหูมาก!
พอหันหน้าไปมอง ฟางชิวก็เห็นว่าซุนฮ่าวกำลังตะโกนพร้อมกับปรบมืออยู่
เขาใช้สายตาดุจ้องซุนฮ่าว
นี่ไม่ใช่กำลังหาเรื่องให้เขาลำบากหรอกหรือ!
ซุนฮ่าวไม่สนใจสายตาของชายหนุ่ม แต่เหล่ตาไปมองเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วตะโกนขึ้นมาว่า “เจียงเหมี่ยวอวี๋ เจียงเหมี่ยวอวี๋ ร้องคู่กัน ร้องคู่กัน…”
ขณะที่ตะโกนอยู่นั้น เขาก็ได้บิดเอวของโจวเสี่ยวเทียนที่อยู่ด้านข้างด้วย
“โอ๊ย” โจวเสี่ยวเทียนรู้สึกถึงความเจ็บปวดในทันที แล้วเขาก็ตะโกนออกมาว่า “ร้องคู่กับเจียงเหมี่ยวอวี๋! ร้องคู่กับเจียงเหมี่ยวอวี๋!”
ตะโกนเสร็จ โจวเสี่ยวเทียนก็จะบิดเอวพี่ใหญ่อย่างจูเปิ่นเจิ้งด้วย สุดท้ายไม่ทันได้บิด จูเปิ่นเจิ้งก็วิ่งหนีไปแล้ว แต่ก็ตะโกนอย่างรู้หน้าที่ “ร้องคู่กับเจียงเหมี่ยวอวี๋! ร้องคู่กับเจียงเหมี่ยวอวี๋!”
เพราะเสียงตะโกนนี้เอง นักศึกษาคนอื่น ๆ ตะโกนตามทันที
“ร้องคู่กัน ร้องคู่กัน…” กลุ่มคนเริ่มตะโกนเป็นจังหวะมากขึ้น
คนรอบข้างทุกคนมองกลุ่มนักศึกษาด้วยรอยยิ้ม
น่าสนใจจัง
เป็นวัยรุ่นนี่ดีจังเลยนะ!
ฟางชิวมองไปที่รูมเมตทั้งสามคนด้วยสีหน้ามืดดำเหมือนก้นหม้อ
นี่เป็นการแก้แค้นที่เขาไม่ยอมเลี้ยงข้าวพวกนั้นแน่นอน!
ผู้นำอย่างซุนฮ่าวตะโกนสุดเสียง เขาขยิบตา ส่งยิ้มให้ฟางชิวราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ไหน ๆ ก็จะร้องด้วยกันแล้ว ทำไมไม่ร้องเพลงรักล่ะ?
จู่ ๆ ความคิดอันชั่วร้ายนี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวของซุนฮ่าว
เขาจึงตะโกนทันทีว่า “ร้องเพลงวันนี้เธอต้องแต่งงานกับฉันนะ”!
“ร้องเพลงความรักของกะลาสีเรือสิ! น้องสาวนั่งรออยู่บนเรือแล้วนะ~” โจวเสี่ยวเทียนตะโกนเสริมขึ้นมา
ทุกคนจึงหัวเราะกันทั่วหน้า
เด็กพวกนี้บ้าบอจริง ๆ!
ชายวัยกลางคนที่อยู่นอกฝูงชนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
นักศึกษากลุ่มนั้นมองไปที่เจียงเหมี่ยวอวี๋กับฟางชิวด้วยสายตาคลุมเครือ
เจียงเหมี่ยวอวี๋พลันหน้าแดงทันที ส่วนโจวเจิ้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่พอใจที่เห็นเรื่องราวกลายเป็นอย่างนี้
ฟางชิวรู้ดีว่าถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะเจอลูกไม้แปลก ๆ อีกไหม เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับรูมเมตทั้งสามคนนี้แล้ว!
เขาพร้อมที่จะคืนกีตาร์ก่อนที่จะไปกันใหญ่
แต่ในเวลานั้น เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ได้มองไปที่ฟางชิวก่อนจะเดินออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน
เมื่อเจียงเหมี่ยวอวี๋ปรากฏตัวขึ้น เสียงโห่ร้องก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง
เป็นเหตุให้คนรอบข้างรู้ว่าใครคือเจียงเหมี่ยวอวี๋
แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋ ทุกสายตาก็ตกตะลึง
สวยเกินไปแล้ว!
ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวในขณะนี้จะมืดลงทันตา
ชายวัยกลางคนมองเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยความประหลาดใจ เมื่อครู่เขาแค่สังเกตเด็กหนุ่มที่กำลังร้องเพลงอยู่เท่านั้น เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีสาวสวยขนาดนี้อยู่ในกลุ่มนักศึกษาด้วย
ดูแล้วเด็กสองคนนี้น่าจะกำลังสนใจกันอยู่นะ?
ฟางชิวยังมองหน้าเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยมึนงง
เขาไม่รู้ว่าทำไมเจียงเหมี่ยวอวี๋ถึงเดินออกมา
“มาร้องเพลงด้วยกันไหม” เจียงเหมี่ยวอวี๋เดินไปหาฟางชิวด้วยท่าทางเขินอายนิดหน่อย
“ได้สิ” ฟางชิวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็ตอบตกลง “พวกเราจะร้องเพลงอะไรดี”
“เพลงของขวัญพิธีเปิดเทอมไง” เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มและพูดอย่างหนักแน่น
ฟางชิวได้ยินแล้วก็ชะงัก เขามองหน้าเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยความสงสัยแล้วหัวเราะออกมา
เขาหัวเราะได้สดใสมาก
ฟางชิวหันหน้าไปมองไปที่หญิงสาวที่สวมหมวกเบสบอลแล้วถามว่า
“ขอร้องเพลงอีกเพลงได้ไหมครับ” หญิงสาวเหลือบฟางชิว จากนั้นเธอก็เหลือบไปมองเจียงเหมี่ยวอวี๋ ก่อนที่จะพยักหน้าเบา ๆ
แม้ว่าเธอจะได้สบสายตากับฟางชิวแล้ว แต่เธอก็ยังคงก้มหัวลงเหมือนเดิม ใครจะได้ไม่เห็นใบหน้าของเธอ
“เริ่มกันเลยเถอะ” ฟางชิวหันกลับมาพูดกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยรอยยิ้ม
เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มรับ จากนั้นเสียงกีตาร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นทำนองของเพลงของขวัญพิธีเปิดเทอม
แม้ว่าเขาจะเล่นเป็นครั้งแรก แต่ตัวโน้ตก็ได้อยู่ในสมองของเขาหมดแล้ว
ครั้งนี้เขาไม่ได้อธิบายอะไรให้คนรอบข้างฟังเหมือนตอนที่ร้องเพลง ‘เมืองเทพนิยาย’ เพราะไม่มีอะไรจะอธิบาย และไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วย
เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ได้ไปยืนประจำแหน่งนักร้อง แล้วเปิดปากร้องเพลงออกมา
ฟางชิวก็เล่นกีตาร์ด้วยท่าทางนิ่ง ๆ
แม้ว่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่พิธีเปิดครั้งนั้น และผ่านไปแล้วกว่าสิบวันนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน แต่ทั้งสองคนก็ร้องเพลงด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ
“นักศึกษาทุก ๆ คน
หาที่นั่งของตัวเอง
นี่คือพิธีเปิดเทอมของพวกคุณ…”
ทันทีที่เจียงเหมี่ยวอวี๋เริ่มร้องเพลง ทุกคนก็ตกตะลึงทันที
ไม่มีใครคาดคิดว่าเสียงของเธอไพเราะและอ่อนหวานมากขนาดนี้!
ชายวัยกลางคนที่อยู่นอกฝูงชนก็ตกใจและตื่นเต้น
มาอีกคนแล้ว!
เพราะมาก!
วันนี้มีขนม*[3] ตกลงมาจากฟ้าแล้ว!
เมื่อได้ยินเสียงร้องประโยคแรก ฟางชิวก็อดคิดไม่ได้ เสียงร้องของเจียงเหมี่ยวอวี๋ตอนนี้เพราะยิ่งกว่าวันพิธีเปิดซะอีก
[1] จรวด ในที่นี้หมายถึงของขวัญบนแพลตฟอร์มไลฟ์สดออนไลน์
[2] รถสปอร์ต ในที่นี้หมายถึงของขวัญบนแพลตฟอร์มไลฟ์สดออนไลน์
[3] ขนมตกลงมาจากฟ้า การเปรียบเปรยว่า อยู่ดี ๆ ก็มีโชคลาภหรือสิ่ง ๆ ดีลอยเข้ามาหา