ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ – ตอนที่ 19 เธอบอกกับผมว่า หิวจัง

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ตอนที่ 19 เธอบอกกับผมว่า “หิวจัง”

 

ต้องบอกว่าโชคดีมากถึงมากที่สุด

 

หลังจากที่ต้องตกอยู่ในห้วงจังหวะเวลาอันน่าหวาดหวั่นหวาดกลัว

 

อยู่ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น

 

ในที่สุดผมก็อยู่รอดปลอดภัย

 

เอาตัวเองหลุดจากสถานการณ์เบื้องหน้ามาจนได้

 

แน่นอนว่าทุกคนในห้องล้วนต่างพากันเป็นห่วงผมกันหมด

 

เนื่องจากผมหายไปตลอดช่วงบ่าย

 

ด้วยมันสมองอันชาญฉลาด

 

บวกกับประสบการณ์ยอดเยี่ยม

 

สุดท้ายปลายทางผมก็หาทางลงให้กับตัวเองจนได้

 

แต่มันก็ยังติดปัญหาอีกข้อหนึ่ง

 

ทั้งยังเป็นข้อปัญหาข้อร้ายแรงอีกด้วย

 

เหมือนคุณเซลิสจะไม่เชื่อผม

 

คุณเซลิสหรี่ตามองเย็นเฉียบ

 

ขณะกล่าวถามไล่ต้อน

 

“…”

 

“ที่พูดออกมาจริงเหรอ?”

 

“คะ ครับ”

 

“หรือว่าคุณเซลิสไม่เชื่อผม?”

 

“ถ้าไม่เชื่อผม”

 

“ผมเองก็เข้าใจครับ”

 

“อึก! ยอมรับได้ครับ”

 

“…”

 

“ปะ เปล่าสักหน่อย”

 

“แค่ถามไปเท่านั้นเอง”

 

ต้องขอบคุณวิธีการอันยอดเยี่ยม

 

เหมือนคุณเซลิสจะปล่อยให้ผมได้พักหายใจแล้ว

 

นี่มันไม่ดีต่อหัวใจของผมเลย

 

พอโดนถามเมื่อกี้

 

ผมนึกว่าตัวเองจะโดนกินแล้วซะอีก

 

โล่งอก

 

ปะ กลับบ้านกันดีกว่า

 

กลับไปสตรีมหาเงินเข้ากระเป๋าต่อ

 

อืม~ เรื่องของพี่สาวปริศนาคนนั้นเหรอ?

 

ช่างมันเถอะครับ

 

เธอคงไม่ตามผมมาถึงบ้านหรอก

 

หวังว่านะ

 

===

 

หลังจากใช้ชีวิตหนักหน่วงไปตลอดทั้งวัน

 

ผมเลือกเปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปในบ้านของตัวเอง

 

พร้อมเอาของทั้งหมดวางลงบนโต๊ะกลางบ้าน

 

เป็นของที่ผมเสียสละเวลาและเงินทองอันมีค่าของผม

 

เพื่อไปซื้อมันมา

 

เป็นกระเทียมพร้อมกับเครื่องเงินเยอะแยะมากมาย

 

ถามว่าผมซื้อมาทำไมเหรอ?

 

มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วปะ?

 

เพื่อป้องกันตัวสิครับ

 

“…”

 

“เรียบร้อย”

 

“กระเทียมและเครื่องเงิน”

 

“ขอแค่มีของเหล่านี้อยู่”

 

“ผมก็จะปลอดภัยหายห่วง”

 

“…”

 

“อือ~”

 

“ว่าแต่แวมไพร์จะแพ้กระเทียมกับเครื่องเงินเหมือนที่คนอื่นเขาพูดรึเปล่า?”

 

ตรงส่วนนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน

 

ผมไม่มีความรู้ด้านนี้ด้วยสิ

 

ด้วยความกังวลขั้นสุดผมเลยเดินวนเวียนรอบโต๊ะ

 

วนอยู่หลายต่อหลายครั้ง

 

บอกกล่าวตามตรง

 

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจัดการกับปัญหาตรงหน้ายังไง

 

เลยเลือกเดินวนเวียนรอบโต๊ะนานหลายนาที

 

เดินจนกระทั่งเสียงประตูหน้าบ้านถูกเคาะ

 

ฝีเท้าที่ก้าวมาตลอดพลันนิ่งเงียบไม่มีขยับไปไหน

 

เหงื่อใสเริ่มปรากฏบนใบหน้า

 

หนึ่งห้วงความคิดสุดอันตรายกำลังผุดเข้ามาในหัวสมอง

 

เป็นไปไม่ได้หรอก

 

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

 

ผมยิ้มแห้งขณะกล่าวออกไปโดยไม่รู้ตัว

 

“…”

 

“มะ ไม่มีทางแน่นอน”

 

“…”

 

“คะ คงไม่ใช่ว่าตามมาถึงบ้านหรอกนะ”

 

“ปะ เป็นไปไม่ได้”

 

“ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“…”

 

“หรือว่าเป็นไปได้?”

 

มือไม้ออกอาการสั่นสะท้าน

 

ถ้าเป็นจริงขึ้นมาก็บอกลาชีวิตของผมได้เลย

 

ชีวิตที่พยายามหลบเลี่ยงหลบหนีคุณเซลิสมาตลอดหลายต่อหลายเดือน

 

พยายามต่อต้านทุกเส้นทาง

 

คงต้องจบลงด้วยผู้ล่าคนใหม่

 

ที่แอบลอบเข้ามาแทงด้านหลัง

 

ชะตาชีวิตของเหยื่ออย่างผมนี่มันช่างน่าเวทนาเหลือเกิน

 

ตะ แต่ยังก่อน

 

อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจรวดเร็วเกินไป

 

อาจเป็นใครคนอื่นก็ได้

 

อย่างเช่น

 

อย่างเช่นว่า

 

คนส่งของ?!

 

ใช่ อาจเป็นคนส่งของก็ได้

 

ผมซื้อของบ่อยด้วยสิ

 

ต้องเป็นคนส่งของแน่นอน

 

ผมมั่นใจ!

 

 

เดี๋ยวก่อน

 

แต่คนส่งของมาแล้วเมื่อวาน

 

แถมผมไม่ได้สั่งของอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วย

 

แสดงว่าไม่ใช่คนส่งของ?

 

งานเข้าแล้วไง

 

แล้วอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่

 

“…”

 

“ตายเป็นตาย”

 

“อย่างมากก็แค่กลายเป็นอาหาร”

 

เมื่อตัดสินใจได้เรียบร้อย

 

ผมมองผ่านตาแมว

 

ก็ไม่เห็นใครเลย

 

ไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยให้เห็น

 

หัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันแน่น

 

“ไม่มีใคร?”

 

“…”

 

“เป็นไปได้ยังไง?”

 

สุดท้ายปลายทาง

 

ผมเลยตัดสินใจเปิดประตูออกไป

 

เปิดออกไปดูว่าใครกันแน่ที่เคาะประตู

 

พอเปิดประตูออกไป

 

สิ่งที่พานพบเห็น

 

พานพบเจอก็คือ

 

ความว่างเปล่า

 

“…”

 

“ไม่มี?”

 

“…”

 

ไม่มีใครยืนอยู่หน้าประตู

 

กระทั่งหมาแมวยังไม่มีให้เห็น

 

งั้นใครเป็นคนเคาะประตู

 

หัวจิตหัวใจที่เริ่มรู้สึกไม่ปรกติ

 

รีบบีบบังคับให้ร่างกายของผมถอยเข้าบ้าน

 

พร้อมปิดประตูแน่น

 

ก่อนหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมา

 

มันคือท่าไม้ตายสุดยอดของผม

 

เป็นท่าไม้ตายเอาไว้กันไม่ให้ใครหน้าไหน

 

รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของผม

 

“…”

 

“ขออนุญาตล็อคประตูนะครับ”

 

ผมหยิบกุญแจล็อคมาล็อคประตู

 

ล็อคมันจากด้านในเนี่ยแหละ

 

กึก!

 

“…”

 

“หึหึหึ”

 

“เท่านี้ก็เรียบร้อย”

 

พอล็อคเสร็จสิ้นผมก็ถอนหายใจโล่งอก

 

หึหึหึ เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีใครหน้าไหนเข้ามาข้างในได้

 

แน่นอนว่าคนข้างในเองก็ออกไปไหนไม่ได้เหมือนกัน

 

นี่ นี่ผมตัดสินใจถูกต้องแล้วใช่ไหม

 

หรือจะผิดจนทำให้ตัวเองโดนกินทั้งเป็น

 

 

ช่างเถอะ

 

คิดมากไปก็เหนื่อยเปล่า

 

ขึ้นห้องดีกว่า

 

===

 

ผ่านพ้นไปหลายชั่วโมง

 

จนกระทั่งอาทิตย์ตกดิน

 

ตลอดทั่วทั้งบ้านตอนนี้มืดสนิท

 

เป็นช่วงจังหวะเวลาที่บ้านเงียบเหงาเป็นที่สุด

 

มีเพียงเสียงของเจ้าของบ้านคนเดียวเท่านั้นที่ดังอยู่

 

เนื้อเสียงที่ส่งออกมามันช่างนุ่มนวลคล้ายผู้หญิง

 

หากยังแอบแฝงไปด้วยท่วงท่าชายหนุ่มเล็กน้อย

 

อาจจะบอกได้ว่าเป็นน้ำเสียงที่ไม่ว่าใครได้ยิน

 

เป็นอันต้องหลงใหลลุ่มหลงยากจะหลุดพ้น

 

ไม่เว้นแม้กระทั่งใครคนหนึ่งที่กำลังยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านล่าง

 

ยืนอยู่ชั้นแรกเริ่มของบ้าน

 

“…”

 

“ครับ”

 

“ขอบคุณสำหรับ 100 บาท”

 

“วันนี้ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม?”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“อย่าเอาความจริงมาพูดสิครับ”

 

“ผมเขินนะ~”

 

“…”

 

หลังจากยืนแน่นิ่งไม่ขยับไปไหน

 

สุดท้ายปลายทางเจ้าตัวร่างปริศนาก็ตัดสินใจเด็ดขาด

 

ตัดสินใจออกเท้าก้าวเดิน

 

ก้าวเดินผ่านบันไดมุ่งหน้าไปยังชั้นสอง

 

มุ่งหน้าไปยังห้องของเขา

 

ห้องของเจ้าของบ้านที่กำลังไลฟ์สตรีมอยู่

 

แน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น

 

กว่าจะรู้สึกตัวอีกที

 

ภัยอันตรายร้ายแรง

 

คงเข้าประชิดถึงตัวเรียบร้อยแล้ว

 

===

 

เวลาตอนนี้คือ 2 ทุ่ม

 

เป็นช่วงเวลาสตรีมของผม

 

เป็นห้วงเวลาที่ผมได้กลายเป็นอีกคนหนึ่ง

 

ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากความ

 

เพียงแค่ถ่ายทอดทุกสิ่งอย่างผ่านน้ำเสียงตามเดิม

 

โดยเนื้อหาที่ผมบอกกล่าวเล่าออกไป

 

ย่อมต้องเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้

 

เพียงตัดรายละเอียดมากมายที่สามารถลากผ่านมาถึงตัวผม

 

แต่หนึ่งเรื่องหนึ่งสิ่งอย่างที่ไม่อาจปกปิดเอาไว้เลยก็คือ

 

“…”

 

“บอกตามตรง”

 

“ตอนนั้นผมตกใจมากเลยที่โดนกัดคอ”

 

“พระเจ้าช่วยนึกว่าจะตายแล้ว”

 

“อันตรายมาก”

 

“ถ้าผมไม่อาศัยจังหวะยอดเยี่ยมหลบหนีมาได้”

 

“สุดท้ายคงไม่พ้นต้องโดนกินไม่เหลือแม้แต่กระดูก”

 

ผมเล่าไปเรื่อยเปื่อย

 

บอกกล่าวเล่าไปตามอารมณ์

 

เสมือนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

 

หากแต่สำหรับใครคนอื่นที่อยู่ในสตรีม

 

กับไม่สนุกด้วยทั้งยังโหมกระหน่ำเปลวเพลิงความโกรธไม่มีหยุดหย่อน

 

กระทั่งตัวผมเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะบานปลายขนาดนี้

 

[ สารเลวบังอาจกล้าทำ ]

 

[ ต้องเล่นงานให้หนัก ]

 

[ ส่งรูปมาเดี๋ยวพี่สาวจัดการให้ ]

 

[ ส่งมาให้ฉันดีกว่า ]

 

[ บังอาจกล้าแตะต้องน้องสาวของผมมันต้องตาย ]

 

[ ฆ่ามัน ]

 

“…”

 

“มะ ไม่เป็นไรครับ”

 

“เอาเข้าจริงผมไม่ได้โกรธสักหน่อย”

 

“แค่รู้สึกแปลกนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

 

“ใช่”

 

“ผมไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย”

 

“เพราะฉะนั้นหยุดเถอะครับ”

 

นี่มันยิ่งกว่าที่คิด

 

ทุกคนเดือดดาลหนักหน่วงขั้นสุด

 

ผมที่พยายามหยุดยั้งความเดือดดาล

 

เลยงัดเอาทุกสิ่งอย่างออกมา

 

เพื่อหวังปลอบประโลมกันไม่ให้เหตุการณ์มันยุ่งวุ่นวายไปมากกว่านี้

 

และในระหว่างที่ผมกำลังปลอบประโลมบอกให้ยกโทษกับอีกฝ่าย

 

ตอนนั้นเองที่เสียงหนึ่งดังกระซิบข้างหู

 

เป็นน้ำเสียงที่ได้ยินกี่ครั้งก็ไม่มีทางลืมเลือน

 

“เธอไม่โกรธ?”

 

“แน่นะที่บอกไม่โกรธ?”

 

หัวสมองขาวโพลน

 

คล้ายโดนของบางสิ่งกระแทกเข้าให้

 

ใบหน้ารวมถึงตลอดทั่วทั้งร่างแข็งค้างไปหมด

 

ก่อนผมจะหันไปมอง

 

หันไปด้านหลัง

 

หมับ!

 

“…”

 

“อึก!”

 

ยังไม่ทันได้ทำอะไรเพิ่มเติม

 

ก็เจอกอดรัดเต็มเรี่ยวแรง

 

ตลอดใบหน้าของผมจมหายเข้าไปในหน้าอกอันใหญ่โตของหล่อน

 

กลิ่นหอมเรือนร่างกำลังหลอมละลายสมองผม

 

ผมทำได้แค่ปล่อยให้โดนกอดไปทั้งแบบนั้น

 

ขัดขืนหรือทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

 

ก่อนแววตาปรกติธรรมดาอีกฝ่ายจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง

 

พร้อมกล่าวหนึ่งถ้อยคำ

 

ถ้อยคำเดียวที่ทำให้ผมสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างกาย

 

หวาดหวั่นหวาดกลัวจนขึ้นสมอง

 

“หิวจัง”

 

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

Status: Ongoing
เพื่อนร่วมห้องของผม คุณเซลิส เธอคือคนแปลกประหลาด ทั้งยังเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในโรงเรียนอีกต่างหาก หากจะให้อธิบายความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน อธิบายให้เข้าใจ ผมคงไม่พ้นต้องเป็นเหยื่อ ส่วนเธอก็คือนักล่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท