ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ – ตอนที่ 18 ผะ ผมโดนใครก็ไม่รู้กัดคอ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ตอนที่ 18 ผะ ผมโดนใครก็ไม่รู้กัดคอ

 

ระหว่างที่ผมกำลังออกเดินไปตามเส้นทาง

 

ปล่อยผ่านทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

หัวสมองอันชาญฉลาด

 

ก็พลันรู้สึกแปลกแยกแปลกประหลาดเข้า

 

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกแยกแปลกประหลาด

 

จนบรรยายไม่ออก

 

ออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก

 

บอกกล่าวตามตรง

 

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายความรู้สึกดังกล่าวยังไง

 

ตลอดตามเส้นทางที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนในตอนแรก

 

ตอนนี้มันกับว่างเปล่าไปหมด

 

เป็นความว่างเปล่าที่ผิดแปลกจากธรรมชาติเกินไป

 

เสมือนกับว่ามีใครบางต้องการให้เป็น

 

ต้องการให้สถานที่แห่งนี้ปราศจากผู้คน

 

หัวคิ้วทั้งสองของผมขมวดเข้าหากันแน่น

 

“…”

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“…”

 

“ทุกคนหายไปไหนกันหมด?”

 

“…”

 

“กระทั่งเสียงพูดคุยที่ได้ยินมาตลอดก็นิ่งเงียบหายไป?”

 

“…”

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ผมหันสายตากวาดมองไปทั่วบริเวณ

 

ก็ไม่เจออะไรผิดแปลกไปเลยแม้แต่น้อย

 

ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่ผมมั่นใจว่ามันไม่ปรกติ

 

ส่วนไม่ปรกติตรงไหน

 

อันนี้ผมบอกไม่ได้เหมือนกัน

 

สุดท้ายปลายทางผมเลยจำต้องเดินหน้าต่อไป

 

เดินต่อไปเรื่อย ๆ ขณะสายตายังคงกวาดมองไปทั่ว

 

ซึ่งไม่ว่าจะมองไปทางไหน

 

จะพยายามสักเท่าไหร่

 

ก็ไม่มีมนุษย์หรือใครคนอื่นปรากฏให้เห็น

 

นี่มันน่าขนลุกเกินไปแล้วนะ

 

“…”

 

“มันไม่ปรกติ”

 

“…”

 

ผมตัดสินใจหยุดยืน

 

เลือกนิ่งเงียบไม่มีขยับไปไหน

 

ก่อนเริ่มใช้หัวสมองของตน

 

ประเมินสถานการณ์เบื้องหน้า

 

พร้อมหาวิธีการจัดการแก้ไขปัญหา

 

ระหว่างกำลังครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่กับตัวเอง

 

ตอนนั้นเองที่เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นจากด้านหลัง

 

เป็นเสียงคล้ายของบางสิ่งอย่างหล่นกระทบพื้น

 

ผมรีบหันสายตาไปมองทันที

 

หันไปมองด้วยสัญชาตญาณของเหยื่อตัวน้อย

 

ที่กำลังร้องเรียกให้ระมัดระวังตัวขั้นสุด

 

และสิ่งที่พานพบเห็นเบื้องหน้าก็คือ

 

“นี่มัน!”

 

“…”

 

“คนเมื่อตอนนั้น?”

 

“…”

 

“พี่สาว?”

 

เป็นร่างของหญิงสาวคนดีคนเดิม

 

คนที่เขาพบเจอเมื่อตอนก่อนนั่นเอง

 

คนที่บอก ‘หิว’ ก่อนเขาจะหยิบยกขนมปังให้

 

ด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นหวาดกลัวที่ปรากฏในห้วงหัวจิตหัวใจ

 

พอพานพบเจอใครคนอื่นที่ไม่ใช่ตน

 

ผมไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที

 

พร้อมร้องกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง

 

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

 

“นี่—”

 

“หิว”

 

ร่างเล็กออกอาการสะดุ้ง

 

ผมตกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายตอบกลับมา

 

ทั้งที่ตัวของเธอเองกำลังล้มนอนหน้าฟุบพื้น

 

แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือถ้อยคำแรกเริ่ม

 

ที่พี่สาวตรงหน้าบอกกล่าวต่างหาก

 

ผมกะพริบตามอง

 

เอียงคอสงสัย

 

“หิว?”

 

“…”

 

“หิว”

 

“ไม่มีแรงขยับตัว”

 

“หาอะไรให้กินหน่อยสิ?”

 

“…”

 

“งะ งั้นผมออกไปซื้อให้”

 

ผมสะดุ้งอีกครั้ง

 

สะดุ้งโดยไม่รู้ตัว

 

เอาอีกแล้ว

 

ไอ้ความรู้สึกแปลกแยกแปลกประหลาด

 

สัญชาตญาณในตัวมันกำลังร้องเตือน

 

บอกให้ผมถอยห่าง

 

ถอยห่างจากหญิงสาวเบื้องหน้าให้เร็วที่สุด

 

น่าเสียดายที่ทุกสิ่งอย่างมันสายเกินไป

 

สายเกินกว่าจะแก้ไข

 

เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

 

ยังไม่ทันได้รู้สึกตัวดี

 

ข้อมือของผมถูกคว้าจับเอาไว้ก่อน

 

คว้าจับเอาไว้แนบแน่น

 

หมับ!

 

“…”

 

“!!!”

 

“…”

 

ผมกัดปากตัวเอง

 

ขณะกำลังตื่นตระหนกตกใจขั้นสุด

 

ก่อนพยายามจะดึงสติตัวเองกลับมา

 

และกล่าวมันออกไปตามตรง

 

“คือ”

 

“ช่วยปล่อยได้ไหมครับ?”

 

“ผะ ผมขยับไปไหนไม่ได้”

 

“…”

 

“คุณพี่สาว?”

 

ผมยิ้มแห้งหันไปมอง

 

ก็เห็นเธอยังคงนอนแน่นิ่ง

 

ใบหน้ายังฟุบอยู่กับพื้นไม่มีแปรเปลี่ยน

 

แทนที่จะรู้สึกงุนงงสับสนไม่เข้าใจ

 

ผมกับหนาวสั่นสะท้านไปทั่งทั้งร่างกาย

 

ข้อมือที่ถูกจับเอาไว้

 

ถูกจับเอาไว้แนบแน่นเหลือเกิน

 

แน่นจนขยับไปไหนไม่ได้

 

มัน มันเอาไม่ออก

 

แน่นมาก

 

“พี่—”

 

“…”

 

ตึง!

 

ทุกสิ่งอย่างมันรวดเร็วเกินไป

 

รวดเร็วเกินกว่าจะตอบสนองได้ทันท่วงที

 

กว่าจะรู้สึกตัวผมก็โดนพี่สาวตรงหน้าขึ้นคร่อมเสียแล้ว

 

เท่าที่ผมจำได้เมื่อครู่

 

เหมือนพี่สาวตรงหน้าจะกระชากตัวผมลงพื้น

 

พร้อมปรับเปลี่ยนเคลื่อนไหวร่างกายด้วยความเร็วสูง

 

ขึ้นคร่อมปิดกั้นไม่ให้หนีไปไหน

 

ดวงตาของผมเบิกว้างขั้นสุด

 

ขณะสายตาจับจ้องมองบางสิ่งอย่าง

 

บางสิ่งอย่างที่ทำให้รู้ว่าตัวตนอีกฝ่ายแท้จริงเป็นใครมาจากไหน

 

ปากอ้าค้าง

 

ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

 

“…”

 

“วะ แวมไพร์”

 

“หิว”

 

“หิวมาก”

 

พี่สาวปริศนาอ้าปากเล็กน้อย

 

พอให้เห็นเขี้ยวยาว

 

ก่อนแววตาปรกติธรรมดาจะแปรเปลี่ยน

 

แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับเลือด

 

นะ นี่มัน!

 

บรรลัยแล้วครับ!

 

งานเข้าแล้วครับทุกคน!

 

ผมพยายามดันตัวเองให้ออกห่าง

 

ให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ตรงหน้า

 

ติดที่มันขยับไปไหนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

 

ในเมื่ออาศัยความรุนแรงไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีการอื่น

 

เปลี่ยนไปใช้วิธีการเจรจาแทน

 

เอาถ้อยคำเข้าว่า

 

“…”

 

“คะ คือว่า”

 

“ช่วยลุกออกไปได้ไหมครับ?”

 

“พอดีผมรู้สึกอึดอัด”

 

“นะ—”

 

เหมือนจะไม่ได้ผล

 

พี่สาวตรงหน้าไม่ตอบ

 

เอาแต่ลูบตามใบหน้าของผม

 

เปลี่ยนมาแก้มเนียนมายังปลายคาง

 

ก่อนจะใช้นิ้วจับใบหน้าให้หลบออก

 

จนเปิดเผยให้เห็นลำคอขาวเนียน

 

เนียนชนิดที่ว่าหญิงสาวปรกติธรรมดายังอาย

 

แววตาสีแดงสดในตอนแรกยิ่งทวีความรุนแรงหลายต่อหลายเท่าตัว

 

ผมลอบกลืนน้ำลาย

 

เพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

 

หากผมยังอยู่ต่อไม่หลบหนีไปไหน

 

ไม่ดีแน่นอน

 

ต้องรีบดิ้นให้หลุด

 

ขณะที่ผมกำลังดิ้นรนเอาตัวรอด

 

หนึ่งเสียงนุ่มเย็นเฉียบก็ดังขึ้น

 

ทั้งยังดังข้างใบหู

 

“…”

 

“เปล่าประโยชน์”

 

“อย่าพยายามให้เหนื่อยเปล่า”

 

“ส่งขนมปังของเธอมา”

 

“แล้วฉันจะปล่อยให้เป็นอิสระ”

 

“ขะ ขนมปังของผม?”

 

“ใช่”

 

“…”

 

“มะ หมดแล้วครับ”

 

“หมดแล้ว?”

 

“ครับ”

 

“…”

 

พี่สาวตรงหน้านิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

 

ก่อนจะถอนหายใจเหนื่อยอ่อน

 

“น่าเสียดายจริง”

 

“ยังหิวอยู่เลย”

 

“งะ งั้นผมออกไปซื้ออะไรให้ไหม?”

 

“จะ จะใช้เงินของผมก็ได้”

 

“แต่ได้โปรด—”

 

“เธอจะออกเงินให้?”

 

“คะ ครับ”

 

“…”

 

พี่สาวเผยรอยยิ้ม

 

พร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้

 

จนสายตาของผมกับพี่สาว

 

มองสอดผสานซึ่งกันและกัน

 

ริมฝีปากสีแดงสด

 

อ้ากล่าวเย็นเฉียบ

 

“…”

 

“ไม่ดีกว่า”

 

“เธอไม่จำเป็นต้องเปลืองเงินหรอก”

 

“ในเมื่อไม่มีขนมปัง”

 

“…ขอเป็นเลือดเธอแทนได้ไหม?”

 

“…”

 

พริบตาเดียวเท่านั้น

 

ที่ได้ยินคำกล่าวของพี่สาวตรงหน้า

 

หัวสมองของผมพลันขาวโพลนไปหมด

 

ครุ่นคิดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

 

แทนที่จะกินขนมปังปรกติธรรมดา

 

เหมือนใครกับคนอื่น

 

กับกลายเป็นว่ามากินผมแทนเสียนิ

 

เรี่ยวแรงในตอนแรกที่หดหาย

 

พุ่งทะยานมั่นหมายจะหลบหนีจากสถานการณ์เบื้องหน้า

 

แต่ก็ถูกแก้เกมด้วยการโดนตรึงแขนเอาไว้เหนือหัว

 

จนหนีไปไหนไม่รอด

 

ตึง!

 

“…”

 

“อะ?!”

 

“…”

 

พี่สาวมองผมด้วยแววตาเย็บเฉียบ

 

นิ่งเงียบไม่มีถ้อยคำอื่นหลุดลอดออกมา

 

ผมที่นึกว่าอีกฝ่ายยินยอมฟังคำกล่าว

 

เลยพยายามร้องขอเมตตาทันที

 

“จะ ใจเย็นก่อนครับ”

 

“เลือดของผมมันไม่อร่อยหรอก”

 

“ผะ ผมว่าเราสามารถหาทางออกร่วมกันได้”

 

“เพราะฉะนั้นนะ”

 

“ได้โปรด”

 

“…”

 

“กลิ่นของเธอ”

 

“ฉันชอบนะ”

 

“ครับ?”

 

งับ!

 

รู้สึกตัวอีกที

 

ผมก็โดนกัดคอไปแล้วเรียบร้อย

 

ทันทีที่เขี้ยวจมเข้าไปในเนื้อหนัง

 

พี่สาวแสนสวยก็เริ่มดูดดื่มเลือดของผมทันที

 

ของเหลวสีแดงสดถูกโอนถ่ายด้วยความเร็วยิ่งยวด

 

ก่อนแววตาสีแดงสดจะทวีความแดงฉานมากขึ้น

 

เพียงไม่กี่วินาทีที่ดูดดื่มเลือด

 

พี่สาวถอนใบหน้าออก

 

พร้อมครางออกมาดังลั่น

 

ดวงตาเบิกกว้าง

 

เริ่มกอดรัดตัวเอง

 

ดะ ด้วยท่วงท่าที่มัน

 

อันตรายในอีกความหมายหนึ่ง

 

“อ๊า!”

 

“สะ สุดยอด”

 

“อ๊าาาาา นี่มันยอดเยี่ยมที่สุด”

 

“อร๊าางงงงง!”

 

“…”

 

บอกตามผม

 

ผมกลัวมาก

 

เหมือนกำลังเห็นอะไรบางอย่างที่มันเกินควบคุม

 

ผมอาศัยจังหวะที่พี่สาวกำลังเพลิดเพลินไปกับเลือดของผม

 

รีบหลบหนีออกมาทันที

 

แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่มีตอบสนอง

 

เพียงนิ่งเงียบจมจ่อมไปกับห้วงความคิดของตัวเอง

 

หลังจากหลบหนี

 

หาที่ซ่อนตัวได้เสร็จสิ้น

 

ผมพยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

เพื่อเพิ่มโอกาสหลบเลี่ยงหลบหนีจากอีกฝ่าย

 

ส่วนจะได้ผลหรือไม่

 

อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน

 

“…”

 

ผมหอบหายใจ

 

ก่อนกวาดมองไปทั่วบริเวณ

 

พอยืนยันว่าพื้นที่แห่งนี้ปลอดภัย

 

ก็ถอนหายใจโล่งอก

 

ก่อนจะแตะเข้าที่ลำคอ

 

ตำแหน่งที่โดนกัด

 

ผมสัมผัสได้ถึงรอยเขี้ยว

 

สัมผัสได้ถึงเลือดที่ไหลออกมา

 

หลังจากที่พี่สาวขบกัดบริเวณลำคอของผม

 

ร่างกายตลอดทั่วทั้งร่างพากันสั่นสะท้านทันที

 

แน่นอนว่าที่ผมสั่นกลัวไม่ใช่เพราะพี่สาวเมื่อครู่

 

อะ ยอมรับก็ได้ครับว่ามีกลัวนิดหน่อย

 

แต่ปัญหาหลักใหญ่ใจความสำคัญคือเรื่องต่อจากนี้ต่างหาก

 

เกิดคุณเซลิสเห็นรอยเขี้ยวบนคอของผมขึ้นมา

 

งานเข้าแน่นอน

 

อะ เห็นแล้วมันทำไมเหรอ?

 

ก็อย่างที่ผมได้บอกกล่าวไปเมื่อครั้งก่อน

 

สัตว์กินเนื้อล้วนต้องหวงเหยื่อหวงอาหารของตัวเองเป็นธรรมดา

 

เกิดมีใครสักคนมาแตะต้องเหยื่อที่สมควรเป็นของตน

 

แทบจะจินตนาการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

“…”

 

“ผะ ผมตายแน่”

 

“มะ ไม่เอานะ”

 

“ผมยังไม่อยากตาย”

 

“…”

 

สุดท้ายปลายทาง

 

ด้วยความกังวลเกินเลย

 

ผมเลยใช้เวลาทั้งหมดทั้งบ่าย

 

นั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้น

 

ไม่กล้าขยับไปไหน

 

 

ชีวิตของเหยื่อ

 

นี่มันไม่ง่ายเลย

 

หวังว่าผมจะอยู่รอดปลอดภัย

 

จนกลับบ้านนะ

 

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

Status: Ongoing
เพื่อนร่วมห้องของผม คุณเซลิส เธอคือคนแปลกประหลาด ทั้งยังเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในโรงเรียนอีกต่างหาก หากจะให้อธิบายความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน อธิบายให้เข้าใจ ผมคงไม่พ้นต้องเป็นเหยื่อ ส่วนเธอก็คือนักล่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท