บทที่ 160 คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับฉัน
ผมทำผิดไปแล้ว ผมเพียงแต่จำได้ว่าตัวเองอยากได้ความอ่อนโยน จนลืมไปว่า ‘รัก’เรื่องแบบนี้ก็จำเป็นต้องกระทำ และไม่ใช่ว่าพูดอย่างเดียว
นี่คือหนึ่งในเหตุผลพื้นฐาน ระหว่างการกอดจูบลูบคลำ เพียงแค่พอถึงเวลาที่ระดับความแรงของไฟได้ที่ก็เข้าไปโดยตรงก็ได้แล้ว จากนั้นก็เป็นไปตามธรรมชาติและเพียงพอที่จะยกระดับความรักอีกรูปแบบหนึ่ง
แต่ผมก็ยังกระทำผิดกับเรื่องโง่ๆ ผิดพลาดในเรื่องสามัญสำนึกทั่วไป นั่นก็คือ ‘การพูด’
คำพูด สามารถช่วยให้ผมผ่อนคลายจิตใจของกู้ฟางเฟยได้ แต่ไม่เหมาะที่จะใช้ตอนนี้อย่างแน่นอน เพราะว่าในเวลาแบบนี้ คำพูดเพียงทำให้เธอมีสติ หรือพูดว่าเป็นการกระตุ้นความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่อยู่ส่วนลึกภายในใจของเธอ
ดังนั้นตอนที่กำลังจะพูดออกไปนั้น ผมควรตระหนักได้ว่าตอนเช้าจบแล้ว
และความจริงนี้ยังพิสูจน์ได้ตลอดเวลา ความปรารถนาในแดนมายาที่สร้างมาด้วยความยากลำบาก จะถูกพังทลายลงมาด้วยคำพูดเตือน
แบบมาตรฐานการทำลายตัวเองของกำแพงเมืองจีน
“ให้เวลาฉันอีกสักหน่อย ให้ฉันได้เตรียมตัวหน่อย ได้มั้ย?”
การแสดงออกของกู้ฟางเฟย อารมณ์ของคำพูด ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความน่าสงสารบางอย่าง น่าสงสารจริงๆ เธอเหมือนกับเด็กผู้หญิงที่ทำอะไรไม่ถูกคนหนึ่ง ที่ตอนนี้ขอร้องคนอื่นให้อภัย……
และในที่สุดความคืบหน้ากู้ฟางเฟยก็จบลงตรงนี้ แต่ว่าคิดแล้วก็ดีอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยความรู้สึกที่ตรึงติดในนั้นก็ได้ฝังลึกเข้าไปในใจของเธอ ผมเป็นคนดี ผมเป็นคนน่าเคารพ ต่อหน้าผมเธอสามารถค่อยๆลดการป้องกันลง
หลังจากลึกขึ้นจากเตียง พวกเราแต่ละคนก็ล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นผมก็สั่งอาหารมาส่ง ทานข้าวด้วยกันที่บ้าน
เธอพูดว่าเธอไม่อยากจะออกไปข้างนอก แน่นอนว่าผมเข้าใจถึงสาเหตุที่เธอไม่อยากออกไปข้างนอก ถ้ามีใครบางคนที่รู้จักกับกู้ฟางเฟยเห็นว่ามากินข้าวกับผู้ชายคนหนึ่ง ผมคิดว่าคนที่โชคร้ายไม่ใช่แค่ผม ยังรวมไปถึงตัวเธอเองด้วย
เพิ่งจะทานข้าวเสร็จ กู้ฟางเฟยรับโทรศัพท์สายหนึ่ง
“คุณอยู่ที่ไหน?”
“ห้างสรรพสินค้า จะรีบกลับไป”
จากนั้น ต้นสายโทรศัพท์นั้นก็ตัดสายไป
กู้ฟางเฟยจูบผมอีกครั้ง จากนั้นก็สวมเสื้อผ้า ตรงไปที่ประตูแล้วเดินออกไป
ก่อนที่จะออกไป เธอได้ทิ้งกุญแจไว้ให้หนึ่งดอก และยังมีคำพูดประโยคหนึ่ง
“หลังจากนี้สักพักฉันจะเอาเงินบางส่วนเข้าไปในบัตรใบนั้นที่ครั้งก่อนให้คุณไป ฉันรู้ว่านี่ทำให้ความรู้สึกของคุณแปดเปื้อนอยู่บ้าง แต่ว่านอกจากนี่แล้ว ฉันไม่สามารถให้อย่างอื่นคุณได้อีกชั่วคราว ต้องขอโทษจริงๆ”
กู้ฟางเฟยพยักหน้าขอโทษ จากนั้นก็หมุนตัวเดินไป
ยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง จ้องมองเมืองที่มีคนเยอะแยะจอแจ ผมความคิดเคลื่อนไหวมาก ผมที่ครุ่นคิดอารมณ์คำพูดของผังเจี้ยนจวินในโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ ผมยังคงครุ่นคิดถึงการแสดงออกของคำพูดของกู้ฟางเฟย
ในที่สุดผมก็ตัดสินได้ กู้ฟางเฟยนั้นกลัวผังเจี้ยนจวินมาก และความกลัวนี้ได้สะสมมาแล้วในระดับหนึ่ง……
ออกจากห้องพัก ผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์คันเล็กของJasonกลับที่พักของเขา
ตอนที่ผมเข้าประตูมานั้น พวกเขาสองคนที่อยู่บนโซฟารีบร้อนที่จะสวมเสื้อผ้า
แม้กระทั่ง ผมสามารถมองเห็นเมล็ดองุ่นสีม่วงที่อยู่บนหน้าอกอันอวบอิ่มของเฉินหลินขณะที่กำลังวุ่นวายได้
พูดตามตรง ไม่น่าดึงดูดเอาซะเลย การมองเห็นนั้นมีรสชาติของการถูกพิษ
ผมหมุนตัวหันหลัง หลังจากที่Jasonสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ตรงมาตำหนิผม ตำหนิผมว่าทำไมไม่เคาะประตูก่อนเข้ามา
“ฉันไม่คิดว่าการที่ฉันจ่ายค่าเช่าห้องยังจำเป็นต้องเคาะประตูก่อนถึงสามารถเข้ามาได้ หรือว่า ครั้งหน้าคุณกับหลินหลินที่รักของคุณ ตั้งใจที่จะเปลี่ยนสถานที่?”
“……”
จางซานตั้นพูดไม่ออก ใช้เวลานานสักพักถึงจะข่มประโยคพูดออกมา “คุณเติมน้ำมันใส่มอเตอร์ไซค์ของผมแล้วหรือยัง เที่ยงนี้คุณชวนพวกเรากินข้าวนะ ตอบแทนพวกเราที่เมื่อสักครู่คุณแอบดูละกัน”
ผมเรอออกมาตรงๆ และเรอไปที่หน้าของจางซานตั้น นี่คือการที่ผมให้คำตอบเขา
หลังจากที่เอากุญแจมอเตอร์ไซค์ให้เขา ผมก็กลับเข้าไปที่ห้องนอน
ห
ไอ้ขี้เหนียวนี่ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนหลิวทงที่มีความสุขเข้ากับคนอื่นได้อย่าง
พักสักครู่หนึ่ง ถึงตอนบ่ายหนึ่งโมง ไม่มีอะไร ผมก็ไปที่ผับหมอชิ่ง
ผับนี้เปิดตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่ว่าแน่นอนว่าลูกค้าค่อนข้างน้อย
แต่ว่าสามารถใช้เวลาช่วงบ่ายเที่ยวเล่นได้ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยและว่าง ผู้หญิงที่มีเงินมีฐานะทางสังคมแบบนี้ ปกติพวกเธอจะไม่สามารถเที่ยวเล่นที่ห้องโถงใหญ่ได้ และจะพบได้ที่ห้องส่วนตัว กลายเป็นการแสดงฐานะทางสังคมที่สูงศักดิ์อย่างชัดเจน และยังเป็นSafe houseที่ปกปิดรักษาความลับได้อีกด้วย
ที่ในผับพนักงานที่เหลือก็คุยเล่นกันผายลมโอ้อวด จนมาถึงเวลาบ่ายสองโมงกว่า ถึงจะมีคนเข้ามา
บนศีรษะสวมหมวก สวมแว่นกันแดดบนหน้า สวมหน้ากาก ผู้หญิงที่เข้าออกในห้องรับรองส่วนตัว แปดคนในสิบคนจะชอบทำเหมือนตัวเองเป็นดารา กลัวว่าจะถูกคนแอบดูรูปโฉมหน้าตา
ลูกค้าท่านนั้นจากการแนะนำของหัวหน้าพนักงานก็ตรงเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว จากนั้นหัวหน้าพนักงานก็ออกมาคนเดียว เรียกพวกเรากลุ่มพนักงานชายนี้เข้าไปแทน
“ห้องรับรองส่วนตัวนี้มีกฎดั้งเดิมอยู่ ไม่ยินยอมที่จะทำอย่าเข้าไป เข้าไปแล้วไม่สามารถปฏิเสธได้”
เข้าไปห้องรับรองทั้งหมดเป็นลูกค้าที่มีคุณภาพ ปกติทั่วไปแล้วไม่อนุญาตให้มีคนอยู่เยอะเกินไป มีเงื่อนไขการทำงานอยู่
ถึงแม้ว่าผมจะมองเห็นไม่ชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่มองจากรูปร่างเพรียวบาง ถ้าเลือกผมจากในนั้นละก็แค่เพียงรูปร่างไม่ได้ถือว่ารุนแรงเกินไป บังคับก็ยังถือว่ารับได้อยู่ อันที่จริงเมื่อคืนและเช้านี้กู้ฟางเฟยจุดไฟขึ้นมา ยังไม่ได้มอดลงเลย
และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่แน่ว่าจะเลือกผมออกมา ผมตามพนักงานอีกเจ็ดคนเข้าไป
เหมือนว่าผมจะเข้าข้างตัวเอง หลังจากถูกเลือกออกมา ผมกลายเป็นสินค้าที่ถูกคัดออกและออกจากห้องไปอีกครั้ง
เพียงประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ขณะที่พูดคุยผายลมไปมา จากนั้นในห้องรับรองก็มีเสียงดัง ‘ปัง’ออกมา ฟังจากความเคลื่อนไหวแล้วเหมือนว่าขวดเหล้าจะระเบิดออกมา หัวหน้าพนักงานรีบเดินเข้าไป
ไม่นาน เขาก็นำพนักงานชายที่เดินตุปัดตุเป๋ออกมา
“ผู้หญิงคนนั้นคอแข็งมาก เธออยากมีคนดื่มเป็นเพื่อน ใครดื่มเก่งบ้าง?”
ในกรณีแบบนี้ มีไม่เยอะนักหรอกที่จะดื่มไม่ได้ แต่หกคนนั้นกับพวกเขาเหมือนจะรู้ซึ่งกันและกัน แต่ละคนก้าวถอยออกมา ทำให้ผมซึ่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้นเลยไม่ได้ขยับ เลยกลายเป็นเหมือนผมก้าวออกไปด้านหน้า
ผมเข้าใจความหมายของพวกเขา ผู้หญิงที่ดื่มเหล้าเพื่อลืมความทุกข์แบบนี้ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ทำเรื่องพวกนั้น ไม่ทำเรื่องพวกนั้นหมายความว่าไม่ได้เงิน ทำเงินได้แค่ส่วนของผับเท่านั้น
แต่ว่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น ดื่มเหล้ากับผู้หญิง ก็ยังดีกว่าอยู่กับพวกกลุ่มผู้ชายคุยผายลมไปมามาก
ดังนั้น ผมถือเบียร์สองขวดเข้าไปในห้องรับรอง วางไปบนโต๊ะ
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สวยอะไร ไม่ใช่ผู้หญิงงามอันดับหนึ่ง ผิวพรรณช่างขาวมาก เพียงแต่ตอนนี้เป็นเพราะสาเหตุจากการดื่มเหล้าเข้าไปเลยมีสีแดงจางๆอยู่บ้าง และรูปร่างก็ธรรมดา หน้าอกก็ไม่สามารถพูดได้ว่าอวบอิ่ม เธอนั้นจัดอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ต้องกังวลใจเรื่องหน้าอกหย่อนคล้อยในอีกเก้าถึงสิบปีข้างหน้านั้น ประหยัดผ้าให้กับประเทศไปได้มากเลยทีเดียว
แต่ว่าบนร่างกายของผู้หญิงคนนี้มีอุปนิสัยบางอย่าง ยากที่จะพูดออกมาให้ชัดเจน เหมือนภาพวาดภูเขาที่วาดด้วยหมึกดำ มีความใกล้เคียงกับประเภทมีสติปัญญาสง่างามสมัยคลาสสิก คล้ายกับว่าเพียงได้เข้าใกล้ก็สามารถทำให้คนสบายใจหมดห่วงได้
“ฉันไม่ได้สั่งเหล้า”
“สองขวดนี้ผมให้”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองผมอยู่นาน พูดอย่างเฉื่อยชาทันที: “คนที่ฉันไม่อยากจะเลือกมากที่สุดก็คือคุณ”
พอมาตอนนี้ผมรู้สึกมีความแปลกใจ “ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่าคุณเหมือนชายที่เป็นรักครั้งแรกของฉัน”
ผมเปิดเบียร์ ส่งไปให้ตรงหน้าเธอหนึ่งขวด “วิธีการจีบผู้ชายของคุณนี่Lowอยู่นะ คุณควรจะพูดว่าผมเหมือนแฟนในอนาคตของคุณถึงจะถูกต้อง แบบนี้ผมถึงจะรู้สึกมีความสุข”
เธอหัวเราะแล้ว หัวเราะจนตาหยีไม่ใหญ่คล้ายกับรอยแตกสองเส้น แต่ว่ารอยแตกพระจันทร์เสี้ยว ดังนั้นมองแล้วก็รู้สึกอ่อนหวาน และรู้สึกสะอาดหมดจด
ผมไปอยู่ที่ด้านข้างของเธอ ประคองใบหน้าของเธอ ค่อยๆจูบไปที่ริมฝีปากที่เปื้อนเหล้าของเธอ
“ดีกรีสูงมาก เกือบจะเมาแล้ว”
ผมเริ่มจีบเธอ จากนั้นเธอแกว่งมือมาตบหนึ่งครั้ง แต่น่าเสียดายที่ตบไม่โดน ถูกผมหลบได้ซะก่อน
เธอค่อนข้างโมโห “ฉันเป็นลูกค้านะ คุณควรจะทำตามที่ฉันสั่งถึงจะถูก คุณไม่มีสิทธิ์บังคับฉัน!”
“นี่ไม่ใช่การบังคับ นี่แค่เพราะว่าริมฝีปากคู่นี้ของคุณสวยเหลือเกิน เหมือนอุปนิสัยของคุณที่ทำให้ผมมึนเมา หรือว่าไม่มีคนบอกคุณใช่มั้ย คุณหัวเราะแล้วดูดีมาก สวยมาก เหมือนกับแฟนของผมในอนาคตเลย?