หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

แม้ห้องเช่าของเธอจะเล็ก แต่ก็ตกแต่งอย่างอบอุ่น กู้เซียงค่อยๆ ลูบคลำสิ่งของในบ้าน ราวกับกำลังสัมผัสความทรงจำที่เพิ่งผ่านพ้น

น่าแปลกที่เฟอร์นิเจอร์แสนจะธรรมดาเหล่านี้ทำเธอรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด ดอกไม้ทุกดอกล้วนเป็นฝีมือการประดับตกแต่งของเธอ ไม่ใช่ของที่สามีซื้อให้เพื่อเอาใจ

พอลองเปิดประตูตู้เย็น เธอก็พบกับเบียร์จำนวนมากและของกินเล่น คนหนุ่มสาวมักจะมองว่าตัวเองอายุยังน้อย ชอบทำตามอำเภอใจ พอแก่ตัวจึงสำนึกได้

นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่กู้เซียงต้องเข้าโรงพยาบาลก่อนจะเสียชีวิตในชาติที่แล้ว เพราะนอกจากจะเป็นโรคซึมเศร้า เธอยังเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบขั้นรุนแรงที่เกิดจากนิสัยการกินผิดๆ สมัยยังสาวอีกด้วย

หลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เธอก็รินน้ำเปล่าใส่แก้ว

ขณะกำลังจะยกขึ้นดื่ม เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น—ดึกป่านนี้แล้ว ไม่เกรงใจกันบ้างเลย!

กู้เซียงเดินไปที่ประตูหน้าแล้วมองลอดตาแมว ภาพที่เห็นทำเธออึ้งเล็กน้อย พอตั้งสติได้ก็เปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือน

เขาคือเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปี สวมชุดกีฬา สูงกว่ากู้เซียงหนึ่งช่วงศีรษะ หน้าตาหล่อเหลาเอาการ

“ได้ยินว่าถูกคนที่กองถ่ายรังแกอีกแล้ว!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“กู้หนาน?” กู้เซียงพึมพำ

หลังจากที่พ่อกับแม่หย่ากันตอนเธออายุได้ห้าขวบ ‘กู้ฉางชุน’ ผู้เป็นพ่อก็พาน้องชายของเธอออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่

‘กู้หมู่’ คือแม่ที่เกียจคร้านและขี้ระแวง จากมุมของผู้เห็นเหตุการณ์ กู้เซียงพอจะเข้าใจเรื่องที่พ่อของเธอไปมีหญิงอื่น

หลังหย่าร้างได้ไม่นาน ผู้เป็นแม่ก็แต่งงานและมีลูกกับสามีใหม่ เธอจึงวางตัวค่อนข้างลำบาก รู้สึกเหมือนเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา

พอเรียนจบชั้นมัธยมปลาย กู้เซียงก็ย้ายออกจากบ้านเพื่อไปเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ห่างไกล ครั้นเรียนจบก็เดินทางไปเมือง G เพื่อหางานทำและเริ่มต้นชีวิตใหม่

กู้ฉางชุนไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาวอีกเลยหลังแต่งงานใหม่ แต่เมื่อรู้ว่าเธอย้ายมาอยู่เมือง G ก็พยายามจะชดเชยให้ แต่กู้เซียงปฏิเสธที่จะไปมาหาสู่กับเขา

แม้จะได้เจอกับกู้หนาน เธอก็ไม่รู้สึกยินดีเพราะจากกันนานกว่าสิบปีแล้ว ความรู้สึกของคนเราไม่อาจเยียวยาได้ในระยะเวลาอันสั้น ยิ่งกู้เซียงมีปมเรื่องที่ผู้เป็นพ่อเลือกน้องชายแทนที่จะเลือกเธอ ทำให้ต้องเติบโตท่ามกลางปัญหาครอบครัว ต้องดิ้นรนออกจากบ้านราวกับคนบ้า

ชาติก่อนกู้ฉางชุนกับกู้หนานมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลหลังบุกไปต่อยตีเหลียงจี้ แต่กู้เซียงกลับไม่สนใจพวกเขา แม้แต่วันที่เข้าพิธีแต่งงานก็ไม่บอกให้รู้

“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงปล่อยให้คนอื่นรังแกได้?” เห็นอีกฝ่ายเอาแต่เหม่อลอย เขาก็กำหมัดแน่นขึ้น “พวกมันเป็นใคร ฉันจะไปจัดการเอง!”

จู่ๆ ร่างบอบบางตรงหน้าก็สวมกอดเขาราวกับจากกันมานาน กู้หนานได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

ตั้งแต่กู้เซียงปรากฏตัวที่เมือง G กู้หนานกับกู้ฉางชุนก็พยายามเข้าหาเพื่อประสานรอยร้าว แต่ไม่เป็นผล เขารู้ดีว่าพี่สาวต้องผ่านชีวิตที่ย่ำแย่เพียงใด จึงไม่สนับสนุนให้เข้าวงการบันเทิง แต่หากเธอตัดสินใจแล้ว ย่อมไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้

กู้เซียงพยายามตีตัวออกห่างพวกเขาทุกวิถีทาง แม้จะโมโหอยู่บ้าง แต่กู้หนานก็ไม่คิดทอดทิ้งเธอ เพราะยังไงก็พี่น้องท้องเดียวกัน นี่เป็นครั้งแรกที่กู้เซียงกอดเขาหลังจากที่พ่อแม่แยกทางกัน ทำให้ค้นพบว่าพี่สาวที่แสนจะเย็นชาและปากร้าย แท้จริงแล้วอ่อนไหวเพียงใด

กู้หนานขยับริมฝีปากคล้ายจะพูดบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน กู้เซียงจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดแล้วพูดกับน้องชาย

“เข้ามาข้างในเถอะ”

แม้จะประหลาดใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ยอมเดินตามพี่สาวเข้าไปในห้อง

“กินข้าวหรือยัง?” เธอถาม

“กินแล้ว” กู้หนานลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงถามต่อ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีอะไรหรอก นายกลับเร็วหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ?”

กู้หนานยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แต่พอได้ยินว่าพี่สาวทะเลาะกับคนในกองถ่ายเรื่องแย่งบท ก็รีบมาหาเพราะรู้ดีว่าเธออารมณ์ร้อนแค่ไหน

“เลิกเป็นดาราเถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บริษัทของพ่อกำลังขาดคน อยากให้พี่ไปช่วยบริหาร”

กู้ฉางชุนไม่มีลูกกับภรรยาใหม่ จึงมีทายาทเพียงสองคนคือกู้หนานกับกู้เซียงเท่านั้น

ได้ยินที่น้องชายพูด เธอก็ไม่ตอบโต้ด้วยความโมโหเหมือนที่ผ่านมา “ฉันชอบการแสดง”

“อะไรนะ?” กู้หนานขมวดคิ้วแน่น

“คอยดูแล้วกัน ฝีมือฉันไม่แพ้นักแสดงคนอื่นแน่นอน” เธอยกยิ้มมุมปาก

“บ้าไปแล้วเหรอไง?” เขาอดไม่ได้ที่จะพูดตรงๆ

“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”

สองพี่น้องเงียบกันไปพักใหญ่ กู้หนานไม่รู้จะพูดอะไรเพราะเรื่องที่เกิดในวันนี้ รวมถึงพฤติกรรมของพี่สาวที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทำเขารู้สึกกังวล กลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดมากจนกลายเป็นบ้า “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันกลับก่อนนะ”

ที่หน้าประตู กู้หนานลังเลเล็กน้อยแล้วถามขึ้นว่า “จริงสิ คิดจะไปเยี่ยมพ่อเมื่อไหร่?”

เขาไม่ได้คาดหวังกับคำตอบ เพราะการที่กู้เซียงอ่อนลงไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำใจยอมรับพ่อแท้ๆ ได้

“ไว้จะหาเวลาไปเยี่ยมแล้วกัน”

คำตอบนี้ทำกู้หนานตะลึงค้าง

“ยังไม่รีบไปอีก” กู้เซียงผลักไหล่น้องชาย

“อืม”

หลังอีกฝ่ายกลับไปแล้ว กู้เซียงก็ยืนพิงประตูแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ชาติที่แล้วเธอไม่เคยให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว เมื่อได้กลับมาเกิดอีกครั้ง จึงรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดนั้นมีค่าเพียงใด หากมีญาติพี่น้องคอยอยู่เคียงข้าง เธออาจไม่เป็นโรคซึมเศร้าและไม่มีจุดจบเหมือนที่ผ่านมา ขณะกำลังครุ่นคิด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“เซียงเซียง ได้อ่านเวยป๋อบ้างหรือเปล่า?” เหวินจิ้งถามเสียงเครียด

“ยังไม่ได้อ่านเลย มีอะไรเหรอ?”

“เฉินเหล่ยเพิ่งโพสต์ข้อความพาดพิงเธอ!”

v

“พาดพิง?”

กู้เซียงยังไม่ดังถึงขั้นที่มีคนคอยติดตาม เวยป๋อของเธอจึงมีเพื่อนไม่ถึงหมื่นคน ส่วนหนึ่งคือแฟนคลับที่มาจากการปั่นกระแสของเหวินจิ้ง แต่วันนี้กลับถูกพูดถึงกว่าพันข้อความ

เทรนด์อันดับหนึ่งในเวยป๋อถูกโพสต์โดยเฉินเหล่ย ข้อความเชิงกระแนะกระแหนของเธอพูดถึงดาราหน้าใหม่คนหนึ่งที่ถูกเปลี่ยนบทจนอาละวาดใส่ผู้กำกับและทีมงานในกองถ่าย ตบท้ายด้วยการแท็กเวยป๋อของเฉินซี

“มั่นหน้าจริงๆ ฉันละยอมเลย!” เฉินซีพิมพ์ตอบแล้วกดแชร์โพสต์นี้

แม้เฉินซีจะไม่ดังเปรี้ยงปร้าง แต่ก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ด้วยความที่เติบโตมาจากวงการภาพยนตร์ เธอจึงโดดเด่นกว่าคนอื่น รวมถึงแฟนคลับที่ติดตามก็มากกว่ากู้เซียงหลายเท่าตัว

โพสต์ดังกล่าวยิ่งร้อนแรงมากขึ้น เมื่อมีคนในมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

“พี่ชายของฉันทำงานในกองถ่าย ดาราหน้าใหม่คนนั้นฟาดงวงฟาดงาและด่าเฉินซีจนร้องไห้เลย” จากนั้นก็แท็กชื่อกู้เซียง

ข้อความนี้ถูกดันจนกลายเป็นความคิดเห็นยอดนิยมอันดับหนึ่ง ทำให้กู้เซียงถูกด่ามากขึ้นเรื่อยๆ

“เป็นแค่เด็กใหม่ กล้าหาเรื่องขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ดราม่าขนาดนี้ ยิ่งปั่นก็ยิ่งดังนะ”

“น่าสงสารเสี่ยวเฉิน ต้องรับมือกับพวกอยากดังจนเก็บอาการไม่อยู่แบบนี้!”

“ใจดีจริงๆ ขอเป็นแฟนคลับด้วยคนดีกว่า”

ทั้งเวยป๋อเต็มไปด้วยคำด่าและคำดูหมิ่นกู้เซียงจากทั่วสารทิศ ในฐานะดาราหน้าใหม่ ถือว่าเฉินซีประสบความสำเร็จในการสร้างกระแส รวมถึงเฉินเหล่ยที่ได้ดังทางลัด เพราะบรรดาความคิดเห็นเหล่านั้นมีหน้าม้ารวมอยู่ไม่น้อย

“เซียงเซียง ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามนะ! วงการนี้มีแต่เสือ สิงห์ กระทิง แรด ถ้าตอบโต้จะเป็นผลเสียกับเราเปล่าๆ” เหวินจิ้งเตือนด้วยเหตุผล

“รู้แล้วน่ะ”

เหวินจิ้งตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจเย็น “งั้นก็พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปงานแถลงข่าวอีก”

หลังวางสาย กู้เซียงไล่อ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเฉินเหล่ยอย่างละเอียด

การได้เริ่มต้นใหม่หลังผ่านไปสิบปี ทำให้เรื่องนี้ดูไร้สาระมากสำหรับเธอ ไม่คู่ควรที่จะลดตัวลงไปแปดเปื้อน แต่ชาติที่แล้ว เธอไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ จึงเปิดโปงเฉินเหล่ยเรื่องที่ใช้เส้นสายของเฉินซีในการเปลี่ยนบทให้ตัวเอง

ไม่มีใครเชื่อเธอแม้แต่คนเดียว ทั้งยังติดแฮชแท็กในเวยป๋อด้วยว่า #กู้เซียงไสหัวออกไปจากวงการ

เรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของกู้เซียงด่างพร้อย ทุกคนพากันลงความเห็นว่าเธอเป็นพวกอารมณ์รุนแรง เห็นแก่ตัว เรื่องมาก และไม่มีสัมมาคารวะ

อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่เรื่องราวยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม

เธอไม่ได้จดจำเลขลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งหรือหุ้นตัวที่จะขึ้นราคา ทุกความทรงจำมีเพียงประสบการณ์ของการฝ่าฟันเพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง ความสำเร็จ ความล้มเหลว พัฒนาการด้านการแสดง และวีรกรรมในกองถ่าย

แค่เรื่องใส่ร้ายป้ายสีกันในโซเชียล เหวินจิ้งยังต้องเตือนเธอด้วยความเป็นห่วง แต่หลังจากที่เกิดเรื่องของเหลียงจี้ ก็ไม่มีอะไรใหญ่พอจะทำให้เธอโมโหได้อีก ไหนจะถูกด่าว่าเป็นเมียน้อยทั้งที่เป็นเมียหลวงตามกฎหมาย ต้องกลายเป็นหญิงสารเลวในสายตาของคนทั้งประเทศ ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้

การที่เฉินเหล่ยคิดอยากสร้างกระแสให้กับตัวเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับกู้เซียง หากเธอตอบโต้ก็จะยิ่งเข้าทางของอีกฝ่าย

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท