กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 20 ขอแทรกแถวได้หรือไม่

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        ในอาณาเขตบ้านตระกูลอวิ๋น เรือนน้อยผุพังริมลำธารยามนี้เปลี่ยนเป็นเรือนหลังใหญ่ที่กว้างขวางและแข็งแรง เรื่องนี้ย่อมเป็นฝีมือของอวิ๋นโม่ เมื่อมีเงินแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในบ้านที่ทรุดโทรมอีกต่อไป บ้านหลังนี้มีห้องหลากหลายแบบสำหรับการใช้งานตามวัตถุประสงค์ มีห้องหนึ่งที่อวิ๋นโม่สร้างขึ้นสำหรับการหลอมโอสถ การหลอมโอสถต้องการความสงบ อีกทั้งบางครั้งอาจเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงสร้างห้องหลอมโอสถนี้ขึ้นมา 

        ยามนี้กลางห้องหลอมโอสถมีเตาหลอมโอสถที่มีลักษณะพิเศษส่องประกายแวววาว ทั้งยังปล่อยไอร้อนออกมาปล่องเตาอย่างต่อเนื่อง

        ตึง!

        ทันใดนั้นลวดโลหะเส้นหนึ่งก็ดึงฝาครอบขึ้นมา โอสถสีดำราวน้ำหมึกเม็ดหนึ่งลอยออกมา อวิ๋นโม่ยื่นมือไปคว้ายาเม็ดนั้นเอาไว้ กลิ่นจางๆ ที่มีเอกลักษณ์กระจายออกมาจากโอสถนี้

        “คุณภาพไม่เลว สมควรทำให้ข้าพัฒนาญาณหยั่งรู้ได้ น่าเสียดายที่เตาหลอมโอสถนี้ทำขึ้นจากฝีมือคนธรรมดา ถึงจะ ใช้ความสามารถของข้า ยังทำได้เพียงหลอมโอสถที่ได้คุณภาพหนึ่งเม็ดเท่านั้น” อวิ๋นโม่ดมกลิ่นโอสถที่อยู่ในมือ

        ยาเม็ดนี้ย่อมเป็นลูกกลอนเสริมวิญญาณ อวิ๋นโม่เสียเวลาไปหลายวันในที่สุดก็หลอมสำเร็จ ตอนนี้เขายังไม่ถึงระดับผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง จึงได้แต่ใช้วิธีในชาติก่อน ใช้เตาหลอมโอสถแบบพิเศษหลอมยาออกมา เตาหลอมโอสถใบนี้สร้างโดยช่างตีเหล็กธรรมดา ผลลัพธ์ที่ได้ไม่อาจเทียบกับเตาหลอมโอสถที่เป็นอาวุธวิญญาณ

       อวิ๋นโม่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะ กลืนลูกกลอนเสริมวิญญาณลงไปอย่างไม่ลังเล

        ฟู่!

        ทันใดนั้นฤทธิ์ยารุนแรงสายหนึ่งก็เคลื่อนไปตามเส้นชีพจรทะลวงสู่ห้วงความคิดของอวิ๋นโม่จนเกิดความปั่นป่วน พลังวิญญาณของมนุษย์อ่อนแอเกินไป เป็นเพียงกลุ่มหมอกบางเบาที่สูญสลายได้ง่าย แต่เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ฝึกฝนถึงระดับหนึ่ง ในสมองจะก่อเกิดมหาสมุทรอันน่าพิศวงขุมหนึ่ง เรียกว่าทะเลจิตวิญญาณ เมื่อน้ำในทะเลจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งส่องประกายจะก่อให้เกิดญาณหยั่งรู้ และส่วนที่ส่องสว่างนั้นก็คือพลังวิญญาณ หากพลังวิญญาณแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งก็จะสามารถอยู่รอดได้แม้ปราศจากกายเนื้อ

        ภายใต้ฤทธิ์ยาของลูกกลอนเสริมวิญญาณ ทะเลจิตวิญญาณขุมหนึ่งถูกเปิดออก ภายในมีน้ำทะเลส่วนที่เรืองแสงอ่อนจางปริมาณเท่ากับหยดน้ำเล็กๆ หยดหนึ่ง นั่นคือพลังวิญญาณในปัจจุบันของอวิ๋นโม่ เมื่อฤทธิ์ยาของลูกกลอนเสริมวิญญาณรวมตัวกันใกล้แสงสว่างเล็กๆ จุดนั้น น้ำทะเลส่วนที่ส่องสว่างในทะเลวิญญาณก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงพลังวิญญาณของอวิ๋นโม่พัฒนาขึ้นเช่นกัน

        หลังจากน้ำทะเลที่ส่องสว่างเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่ง ก็ก่อให้เกิดพลังไร้รูปร่างสายหนึ่งขึ้นมา นั่นคือญาณหยั่งรู้ของอวิ๋นโม่

        “ช่วยให้ข้าสร้างญาณหยั่งรู้ได้จริงๆ!” อวิ๋นโม่อดตื่นเต้นไม่ได้

        ในชาติก่อน เขาอาศัยโอสถฝึกฝนจนเกิดญาณหยั่งรู้ แต่เนื่องจากไม่อาจฝึกยุทธ์ พลังวิญญาณของเขาจึงไม่แข็งแกร่งพอที่จะเคลื่อนออกจากร่างกาย นี่เป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเขา มิเช่นนั้นเขาและลั่วเทียนซึ่งมีศัตรูมากมายย่อมต้องเสาะหาร่างอื่นที่เหมาะสมกว่าเพื่อฝึกยุทธ์ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ในชาตินี้เขาไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้นอีกแล้ว เขามีพลังวิญญาณที่สามารถพัฒนาให้แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนถึงระดับที่ใครก็คาดไม่ถึง!

        ความรู้สึกหนึ่งจากการเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่งผุดขึ้นในใจ นี่เป็นข้อดีของการมีญาณหยั่งรู้ มองทะลุภาพลวงเห็นถึงเนื้อแท้ภายใน

        เมื่อญาณหยั่งรู้ของอวิ๋นโม่กวาดออกไปก็รับรู้ได้ว่า นอกห้องมีใบไม้ปลิวตามลม มดตัวเล็กตัวหนึ่งกำลังขนเมล็ดข้าวโพด ภายใต้ขอบเขตของญาณหยั่งรู้ ทุกสิ่งปรากฏอย่างแจ่มชัด

        “การมีเส้นชีพจรยุทธ์เหนือกว่าการไม่มีมากถึงเพียงนี้!” อวิ๋นโม่เอ่ยอย่างประหลาดใจ อาศัยเส้นชีพจรยุทธ์ หลังจากเขากินลูกกลอนเสริมวิญญาณและก่อเกิดญาณหยั่งรู้ ขอบเขตรับรู้ยังมากกว่าในชาติก่อนถึงสองเท่า! ระยะไกลถึงร้อยจั้ง*!

        เมื่อมีพลังวิญญาณ ความสามารถในการต่อสู้ของอวิ๋นโม่ย่อมสูงขึ้น!

        “เอ๋”

        ตอนนั้นเองอวิ๋นโม่ก็ต้องประหลาดใจ ญาณหยั่งรู้ที่เขาปล่อยออกไปสัมผัสได้ว่าผู้อาวุโสแปดกำลังลอบออกจากประตูข้างของบ้านตระกูลอวิ๋นอย่างลับๆ

        “ดึกขนาดนี้แล้วยังออกไปด้านนอก ทั้งยังไปทางประตูข้าง” อวิ๋นโม่ขมวดคิ้ว เขาตัดสินใจติดตามไป

        จิตวิญญาณของอวิ๋นโม่ติดตรึงอยู่กับผู้อาวุโสแปด ตาเฒ่าผู้นั้นเหลียวซ้ายแลขวาไปตลอดทางราวกับโจร

        “หรือสิ่งที่เขาแบกไว้บนหลังจะเป็นสมุนไพร​” ญาณหยั่งรู้ของอวิ๋นโม่สัมผัสได้ว่าสิ่งที่อยู่ในห่อสัมภาระด้านหลังของผู้อาวุโสแปดก็คือยาบางอย่าง “เจ้าเฒ่าผู้นี้แบกยาห่อหนึ่งไว้บนหลัง ทั้งยังทำท่าลับๆ ล่อๆ คงไม่ได้ไปทำเรื่องดีๆ อะไรแน่”

        อวิ๋นโม่ติดตามไปโดยรักษาระยะห่างห้าสิบจั้งตลอดทาง ญาณหยั่งรู้ของเขาตรึงอยู่กับผู้อาวุโสแปด แต่คนผู้นั้นกลับไม่รู้สึกถึงเขา ผู้อาวุโสแปดวนอยู่ในเมืองกวนซานเจิ้นหลายรอบ สุดท้ายแอบเข้าไปทางประตูข้างของร้านยาซวนหลิง

        “ผู้อาวุโสอวิ๋นหู่ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!” บนชั้นสองของร้านยาซวนหลิง ผู้จัดการร้านเอ่ยพร้อมหน้าตายิ้มแย้ม อวิ๋นหู่ก็คือนามของผู้อาวุโสแปด

        “นี่คือยาส่วนหนึ่ง เจ้าลองดู หากให้ราคาที่ข้าพอใจละก็ ต่อไปร้านยาซวนหลิงของเจ้าก็จะได้รับยาเพิ่มขึ้นอีก” เสียงของผู้อาวุโสแปดดังขึ้น

        หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป อวิ๋นโม่ที่ทำท่าเดินเล่นอยู่บนถนนก็ดึงญาณหยั่งรู้กลับมา เขาเกิดความสงสัย ตาเฒ่าผู้นั้นจะขายยา แล้วทำไมต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ด้วย

        เมื่อไม่ได้ยินเรื่องสำคัญอะไร อวิ๋นโม่ก็เตรียมจะกลับ ขณะผ่านมุมถนนก็เหลือบเห็นโรงประมูลโดยบังเอิญ จึงตบหน้าผากอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้

        “มัวแต่วุ่นวายกับการหลอมยาจนลืมเรื่องซื้อตั๋วไปเลย!” 

        อีกสามวันจะเป็นวันประมูลถุงเฉียนคุนแล้ว หากคิดจะประมูลถุงเฉียนคุนอย่างลับๆ เขาจำเป็นต้องซื้อตั๋วห้องส่วนตัวสักใบ หากไม่รีบซื้อ ไม่แน่ว่าตั๋วอาจถูกขายหมดไปแล้ว

        เด็กหนุ่มรีบกลับบ้าน เปลี่ยนมาใส่ชุดสีดำ และสวมหน้ากาก เขาไม่กล้าเข้าร่วมการประมูลถุงเฉียนคุนอย่างโจ่งแจ้ง เพราะเกรงจะนำมาซึ่งความยุ่งยากไม่จบสิ้น

        แม้จะดึกมากแล้ว แต่จุดขายตั๋วของสถานที่จัดประมูลยังคงมีคนต่อแถวยาว อวิ๋นโม่ร้อนใจแต่ก็จำต้องต่อท้ายแถว

        หลังจากรอคอยอย่างกระวนกระวายอยู่พักหนึ่ง แถวด้านหน้าอวิ๋นโม่ก็เหลือเพียงหนึ่งคนแล้ว

        “ซื้อตั๋วห้องส่วนตัวหนึ่งใบ”

        “เหอะๆ นับว่าท่านโชคดี ตั๋วห้องส่วนตัวห้องสวรรค์และห้องปฐพีต่างก็ขายหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงตั๋วห้องอักษรมนุษย์สองใบเท่านั้น หากท่านช้ากว่านี้นิดเกรงว่าคงไม่เหลือแล้ว” เด็กขายตั๋วยิ้มต่อ

        “หา เหลือแต่ห้องอักษร​มนุษย์เท่านั้นหรือ ช่างเถอะๆ ใครใช้ให้การประมูลครั้งนี้โด่งดังขนาดนี้กัน ยังดีที่ข้าได้ข่าวทันเวลา ไม่เช่นนั้นเกรงว่าแม้แต่ตั๋วห้องส่วนตัวอักษร​มนุษย์ก็คงซื้อไม่ทันแล้ว”

        “หึๆ หากท่านมาช้าอีกสักหน่อย แม้แต่ตั๋วที่นั่งธรรมดาก็คงไม่มีแล้ว!” 

        “แรงดึงดูดของถุงเฉียนคุนมากเกินไปแล้ว คนมากมายรู้ทั้งรู้ว่าไม่มีคุณสมบัติจะซื้อก็ยังคิดจะไปดูการประมูล การประมูลครั้งนี้คงจะครึกครื้นที่สุดในรอบหลายปีนี้เลยใช่ไหม!” 

        “นั่นย่อมแน่นอน ถุงเฉียนคุนเชียวนะ!” เด็กขายตั๋วเลียริมฝีปาก

        อวิ๋นโม่ที่อยู่ด้านหลังผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่มีห้องส่วนตัวเหลืออยู่อีกหนึ่งห้อง 

        “ข้าต้องการซื้อตั๋วห้องส่วนตัวหนึ่งใบ!” อวิ๋นโม่นำเหรียญทองออกมาเตรียมจ่ายค่าตั๋ว

        ทันใดนั้นก็มีคนถลันเข้ามา

        “หลีกไป หลีกไป!” 

        เด็กหนุ่มผู้หนึ่งตะโกนใส่อวิ๋นโม่ แต่อวิ๋นโม่กลับยืนนิ่งเหมือนเจดีย์เหล็กไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

        “เอ๋ เจ้าเด็กนี่ ดูไม่ออกเลยว่าตัวหนักอยู่บ้าง!” เด็กหนุ่มผู้นั้นมองอวิ๋นโม่ขึ้นๆ ลงๆ

        “อยากซื้อตั๋วก็ไปต่อแถวด้านหลังโน่น!” อวิ๋นโม่เอ่ยพลางขมวดคิ้ว มือข้างหนึ่งผลักเด็กหนุ่มผู้นั้นออกไป

        “เจ้า!” คนผู้นั้นถอยหลังไปหลายสิบก้าวจึงหยุดลง มันมองอวิ๋นโม่ด้วยสายตาขุ่นเคือง กำหมัดได้ก็ทะยานเข้ามา

        “หยุดมือ!” เด็กหนุ่มผู้สวมชุดสีเงินเอ่ยขึ้น ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายผู้สูงศักดิ์ “คุณชายท่านนี้ ข้าต้องขอโทษในความไร้มารยาทของบ่าวรับใช้ของข้าด้วย!” เด็กหนุ่มชุดสีเงินประสานหมัด

        “ไม่เป็นไร” อวิ๋นโม่ตอบจากนั้นหันไปซื้อตั๋วต่อ

        เด็กหนุ่มผู้นั้นพลันเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “สหายท่านนี้ ข้าสามารถปรึกษากับท่านเรื่องหนึ่งได้หรือไม่” ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มทั้งยังเปี่ยมมารยาท

        “มีเรื่องอะไร” อวิ๋นโม่ไม่เข้าใจ เขาเพียงต้องการรีบซื้อตั๋วห้องส่วนตัว เขาไม่รู้จักเด็กหนุ่มผู้นี้ คิดไม่ออกว่าเคยเจอหน้ามาก่อนหรือไม่

        เด็กหนุ่มที่ถูกอวิ๋นโม่ผลักออกไปรีบเดินเข้ามา เชิดหน้าเอ่ยเสียงสูง “คุณชายของเราต้องการแทรกแถว! เจ้ารีบถอยออกไป!” 

        น้ำเสียงที่เปล่งออกมาราวกับสั่งบ่าวรับใช้ก็มิปาน!

        อวิ๋นโม่กวาดตามองคนผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชาวูบหนึ่ง จากนั้นหรี่ตาหันไปมองเด็กหนุ่มชุดสีเงิน

        ครั้งนี้เด็กหนุ่มชุดสีเงินไม่ได้ขัดขวางบ่าวรับใช้ แต่ยิ้มน้อยๆ กล่าว “สหายท่านนี้ ข้าต้องการซื้อตั๋วห้องส่วนตัวสักใบ หากตอนนี้ไปต่อแถวเกรงว่าประเดี๋ยวคงไม่ทันแล้ว ดังนั้นไม่ทราบว่าพอจะให้ข้าแทรกแถวได้หรือไม่”

        ท่าทางเหมือนจะเกรงใจ แต่ความหมายในคำพูดกลับไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ

        ………………………………………

        *丈Zhàng หน่วยระบุความยาว 1 จั้งยาวประมาณ 3.33 เมตร

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท