กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 21 เตะครั้งเดียวก็ปลิว

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        เด็กหนุ่มผู้นั้นมองอวิ๋นโม่พลางยิ้มน้อยๆ แม้ปากว่าขอความเห็นจากเขา แต่ความหมายในคำพูดไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ บ่าวรับใช้ของเด็กหนุ่มชุดสีเงินเชิดหน้าขึ้น ตามองอวิ๋นโม่ด้วยความลำพอง

        อวิ๋นโม่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร คนข้างหลังก็พูดขึ้น “นี่ใครกัน พวกเราต่อแถวอย่างยากลำบาก เขาบอกอยากแทรกแถวก็แทรกได้หรือ ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาหรืออย่างไร!” 

        เมื่อเอ่ยขึ้นมาก็มีหลายคนสนับสนุน ต่างส่งเสียงคัดค้านเด็กหนุ่มชุดเงิน แต่แล้วสหายที่อยู่ข้างกายของชายที่เอ่ยปากเป็นคนแรกพลันเปลี่ยนสีหน้า รีบร้องเตือนเพื่อนของตน

        “หุบปาก! เจ้าไม่รักชีวิตแล้วหรือ นั่นคือนายน้อยฉิน เขาต้องการแทรกแถวก็ไม่ต้องขอความเห็นจากพวกเรา!” 

        “นายน้อยฉิน นายน้อยฉินคนไหน” ชายคนที่เอ่ยปากเป็นคนแรกนึกตระหนก เอ่ยปากถามโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วก็เริ่มตอบสนอง ใบหน้าซีดขาวในทันใด

        “หรือจะเป็นบุตรชายของเจ้าบ้านตระกูลฉิน นายน้อยฉิน” คนด้านหลังเอ่ยถาม สีหน้าตกใจจนขาวซีด เมื่อครู่เขาก็ออกปากด่าทอเด็กหนุ่มชุดสีเงินเช่นกัน

        “จะผิดตัวได้หรือ ในเมืองกวนซานเจิ้นของพวกเรา ยังจะมีผู้ใดให้เรียกว่านายน้อยฉินได้อีก”

        “บุตรชายของเจ้าบ้านตระกูลฉิน ฉินเหอหลิน อายุเพียงสิบสี่ปีก็บรรลุขอบเขตสูงสุดของระดับเสริมกำลังขั้นเก้าชั้นฟ้า หากไม่ใช่เพราะรอสมัครเข้าเรียนวิชายุทธ์ระดับสูงในสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุย เขาคงทะลวงถึงระดับเปลี่ยนชีพจรไปแล้ว นับเป็นอัจฉริยะของตระกูลฉินโดยแท้จริง! ถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านรุ่นถัดไปของตระกูลฉิน บุคคลเช่นนี้ไม่อาจล่วงเกินได้!” ใครบางคนเปิดเผยฐานะของเด็กหนุ่มชุดเงินเสียงแผ่ว

        เกิดในตระกูลฉินที่จริงถือว่ามีฐานะไม่ธรรมดาแล้ว นี่ยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่จะสืบทอดตำแหน่งสำคัญของตระกูล ฐานะเช่นนี้ย่อมทำให้คนหวั่นเกรงจนไม่กล้าล่วงเกินแล้ว

        “ไม่ทราบว่าเป็นนายน้อยฉินมาถึงจึงได้ล่วงเกิน ผู้น้อยต้องขออภัยต่อนายน้อยฉินด้วย ขอนายน้อยโปรดอย่าถือสาผู้น้อยเลยขอรับ”

        “ขอนายน้อยฉินโปรดอย่าถือสา”

        ผู้คนที่ด่าว่าฉินเหอหลินเมื่อครู่ทยอยขยับกายคำนับเอ่ยขออภัยฉินเหอหลิน ทั้งยังรอเด็กหนุ่มเอ่ยตอบด้วยใบหน้าซีดขาว

        เห็นสถานการณ์เช่นนี้ บ่าวข้างกายของฉินเหอหลินก็มีสีหน้าได้ใจยิ่งกว่าเดิม มันมองไปทางคนกลุ่มนั้นแล้วหันกลับมามองอวิ๋นโม่ ดวงตาของฉินเหอหลินเองก็ปรากฏความลำพองใจบางเบา เช่นกัน เขาปรายตาไปทางอวิ๋นโม่ โบกมือรับคำขอขมาจากฝูงชนพลางเอ่ย “ไม่เป็นไร ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด”

        “ขอบพระคุณนายน้อยฉิน!” ผู้คนต่างประสานหมัดราวกับได้รับการละเว้นโทษ แม้แต่คนที่ไม่ได้พูดอะไรก็ยังพากันผงกศีรษะ ชื่นชมความใจกว้างของนายน้อยฉินไม่ขาดปาก

        “ข้าต้องการแทรกแถว พวกท่านไม่ถือสากระมัง” ฉินเหอหลินถามอีกครั้ง 

        “ไม่มีปัญหาขอรับ!”

        “ย่อมได้แน่นอนขอรับ!”

        “เชิญนายน้อยฉินซื้อตั๋วก่อน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกเรา”

        ผู้คนต่างออกปาก ยินดีให้ฉินเหอหลินแทรกแถว

        ฉินเหอหลินยิ้มพลางผงกศีรษะ จากนั้นเดินขึ้นหน้าไปอย่างผ่อนคลายจนถึงโต๊ะขายตั๋ว

        “รอเดี๋ยว!” อวิ๋นโม่พลันเอ่ยปากรั้งฉินเหอหลินไว้

        ฉินเหอหลินขมวดคิ้วน้อยๆ ด้วยความไม่พอใจ รู้ฐานะของเขาแล้วยังกล้าขวาง คนเช่นนี้ช่างไม่รู้ความเสียจริง!

        “มีอะไร!” ฉินเหอหลินถาม น้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยแต่ยังคงรักษาสีหน้าเกรงอกเกรงใจเอาไว้

        ดวงตาอวิ๋นโม่เรียบเฉย ขณะเดียวกันก็เอ่ยว่า “ข้าอนุญาตให้เจ้าแทรกแถวแล้วหรือ”

        “เฮือก!” หลังจากได้ยินประโยคนี้ ฝูงชนก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้หนุ่มที่สวมหน้ากากผู้นี้คือใคร มันคงไม่อยากจะมีชีวิตอีกแล้ว! ทั้งๆ ที่รู้ฐานะอันสูงส่งของฉินเหอหลิน ยังจะกล้ากล่าวเช่นนี้ โอหังอย่างที่สุด

        “บังอาจ! รู้ฐานะนายน้อยของพวกเราแล้วยังกล้าพูดจาเช่นนี้อีก!” บ่าวผู้นั้นถลึงตาตะคอก

        “นายน้อยฉินมีฐานะสูงส่ง ย่อมต้องให้นายน้อยฉินได้ซื้อตั๋วก่อน!”

        “ไม่ผิด สมควรเป็นเช่นนั้น! อีกอย่างพวกเรายินดีให้นายน้อยฉินแทรกแถว เจ้าถือสิทธิ์อะไรจึงไม่ยอมเปิดทาง!”

        “เด็กน้อย รู้แล้วก็รีบหลีกไปเสีย!”

        ผู้คนที่อยู่ด้านหลังพากันส่งเสียงเอะอะโวยวาย

        สีหน้าฉินเหอหลินคืนสู่รอยยิ้ม มองดูอวิ๋นโม่ด้วยความถือดี เจ้าจะจัดการสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร นี่คือความแตกต่างของฐานะ ข้าไม่ต้องเอ่ยปากก็มีคนจัดการเจ้าแทนข้า แล้วเจ้ายังจะกล้าดื้อด้านอยู่อีกหรือ

        อวิ๋นโม่มองไปทางผู้คนอย่างเรียบเฉย “เรื่องที่พวกเจ้ายอมให้เขาแทรกแถว ให้เขาอยู่หน้าตำแหน่งของพวกเจ้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย” พูดแล้วก็ไม่สนใจคนเหล่านั้น หันกายกลับไปยังคนขายตั๋วแล้วหยิบเงินออกมา

        “โอหัง!”

        “โอหังเกินไปแล้ว!” ผู้คนต่างด่าทอ

        ส่วนฉินเหอหลินที่อยู่ด้านข้างก็เก็บรอยยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ รู้ฐานะของตนแล้วยังไม่ไว้หน้าตนอีก ทั้งที่เผชิญกับความต้องการของฝูงชนก็ยังดื้อดึง คนผู้นี้ช่างโอหังนัก!

        “ข้าจะซื้อตั๋วห้องส่วนตัวหนึ่งใบ!” อวิ๋นโม่หยิบเงินออกมาวางลงตรงหน้าคนขายตั๋ว

        ฉินเหอหลินพลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่น่าเล่าคนผู้นี้จึงไม่ยอมให้เกียรติ ที่แท้ก็ต้องการซื้อตั๋วห้องส่วนตัวเช่นกัน แต่เขาได้ยินว่าตั๋วห้องส่วนตัวเหลือเพียงหนึ่งใบ หากปล่อยให้คนผู้นี้ซื้อไปเขาก็ไม่อาจหาซื้อตั๋วห้องส่วนตัวได้อีก คงจะต้องเสียหน้ามาก

        “ตั๋วห้องส่วนตัวหนึ่งใบ!” อวิ๋นโม่ขมวดคิ้ว มองหน้าคนขายตั๋ว เขาวางเงินลงไปแล้วแต่อีกฝ่ายยังรีรอไม่เคลื่อนไหว

        ฉินเหอหลินเห็นเหตุการณ์ก็เข้าใจ กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง

        คนขายตั๋วมองอวิ๋นโม่ด้วยสายตาเย็นชา “ต้องขออภัยด้วย ตั๋วห้องส่วนตัวใบสุดท้ายนี้ ต้องเก็บไว้ให้นายน้อยฉิน”

        “เหอะๆ แม้แต่คนของโรงประมูลยังไม่ยอมขายตั๋วให้เจ้า ต่อให้เจ้าไม่ยอมหลีกแล้วจะอย่างไร” คนด้านหลังเอ่ยยิ้มๆ

        ฉินเหอหลินมองอวิ๋นโม่ด้วยความขบขัน สุดท้ายเจ้าก็สู้ข้าไม่ได้! คนขายตั๋วจ้องอวิ๋นโม่ด้วยความท้าทาย สีหน้าดูถูกอย่างที่สุด

        สายตาของอวิ๋นโม่เยียบเย็น “สถานจัดงานประมูลทำการค้าเช่นนี้หรือ หากใช้ฐานะตระกูลใหญ่เป็นตัวกำหนดว่าใครจะได้ซื้อตั๋วก่อน ทุกคนก็แค่แสดงฐานะตระกูลออกมารับตั๋วไปก็พอแล้ว คนจัดงานยังจะต้องให้ผู้คนมาต่อแถวไปทำไม” 

        คนขายตั๋วยิ้มเย็นพลางส่ายศีรษะ “เรื่องบางเรื่อง ไม่อาจพูดให้ชัดเจน แต่ไม่พูดก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่ กฎเกณฑ์บางอย่างเป็นที่รู้กัน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ขอเตือนเจ้าสักประโยค ในเมืองกวนซานเจิ้น ตระกูลฉินไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะหาเรื่องได้ ข้าไม่ขายตั๋วให้เจ้าก็เพื่อตัวเจ้าเอง ไม่เช่นนั้นต่อให้เจ้าได้ตั๋วไป เกรงว่าคงไม่เหลือชีวิตให้ได้ใช้”

        “งั้นหรือ” อวิ๋นโม่ยิ้มเย็นพลางหันไปทางฉินเหอหลิน “นี่ก็หมายความว่า เจ้าจะต้องแทรกแถวให้ได้งั้นสิ”

        “ใช่แล้วอย่างไร” บ่าวรับใช้เอ่ยเสียงเย็น 

        ฉินเหอหลินยิ้มพลางผงกศีรษะอย่างไม่เกรงใจอีก ใบหน้าเปี่ยมด้วยความถือดี “ก่อนหน้านี้ที่ถามเจ้าอย่างเกรงใจก็ถือว่าไว้หน้าเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าจะต้องหาความลำบากให้ตนเองอีก” 

        “เจ้าก็ยอมถอยก้าวหนึ่ง ซื้อตั๋วธรรมดาเถอะ นายน้อยฉินจิตใจกว้างขวาง คิดว่าคงไม่ถือสาเอาความเจ้าหรอก” เด็กขายตั๋วเอ่ยช้าๆ

        “เข้าใจแล้ว” อวิ๋นโม่ผงกศีรษะ

        “หึๆ นึกว่าจะเก่งสักแค่ไหน สุดท้ายก็รู้จักหดหัวบ้างแล้ว!” คนที่อยู่ด้านหลังเห็นว่าอวิ๋นโม่ยอมอ่อนลงแล้วก็เอ่ยปาก

        ฉินเหอหลินและบ่าวรับใช้เผยรอยยิ้มดูถูกออกมา ต่างก็เห็นว่าเรื่องที่อวิ๋นโม่ต้องยอมอ่อนข้อเป็นเรื่องสมควรแล้ว

        คนขายตั๋วยิ้มอ่อนพลางส่ายศีรษะ ไยต้องยุ่งยากเช่นนี้ หากยอมถอยให้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องเสียหน้า เขาล้วงตั๋วธรรมดาออกมาใบหนึ่ง เตรียมส่งให้อวิ๋นโม่ ทันใดนั้นดวงตาของคนขายตั๋วก็ต้องเบิกกว้างราวกับตาวัว สีหน้าตื่นตกใจ

        เปรี้ยง!

        อวิ๋นโม่ยกเท้าขึ้นมาก็ถีบออกไป ส่งฉินเหอหลินปลิวไปไกล!

        “เฮือก!” ผู้คนสูดลมหายใจเย็นเฉียบ รู้สึกว่าแผ่นหลังหลั่งเหงื่อเย็นออกมา นั่นเป็นนายน้อยฉินนะ! ไอ้เด็กนั่นถึงกับเตะนายน้อยฉินจนปลิวออกไป

        “ก่อเรื่องใหญ่แล้ว! ก่อเรื่องใหญ่แล้ว!”

        “มันถึงกับเตะนายน้อยฉิน!” คนด้านหลังปากอ้าตาค้างอย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำถึงเพียงนี้

        “เจ้ากล้า” บ่าวของฉินเหอหลินโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ควงหมัดใส่อวิ๋นโม่อย่างบ้าคลั่ง

        เปรี้ยง!

        อวิ๋นโม่เตะอีกเท้า ส่งบ่าวผู้นั้นลอยตามออกไป อีกด้าน ฉินเหอหลินแสดงสีหน้าแค้นเคือง ตะโกนด่าพลางพยายามลุกขึ้นมา แต่กลับถูกบ่าวที่ลอยตามมาโถมทับลงไป

        อวิ๋นโม่สะบัดเท้าราวกับว่าสองคนนั้นทำให้รองเท้าสกปรก จากนั้นหันมาทางคนขายตั๋ว ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้แมลงวันที่น่ารำคาญไปหมดแล้ว จะขายตั๋วห้องส่วนตัวให้ข้าได้หรือยัง”

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท