กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 24 เข้าร่วมการประมูล

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        บนตัวอวิ๋นโม่มีเงินสองหมื่นกว่าเหรียญทอง แต่เขารู้สึกว่า เงินเพียงเท่านี้หากต้องการประมูลถุงเฉียนคุนคงไม่พอ หากขึ้นเขาไปอีกครั้งก็เกรงว่าจะไม่ทัน การขึ้นเขาเหนือเมฆาเสาะหาสมุนไพรวิญญาณและฆ่าสัตว์อสูรต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวัน เมื่อไม่มีหนทางอื่นเขาจึงซื้อสมุนไพรบางชนิด จากนั้นเคี่ยวเป็นยาน้ำและยาลูกกลอนเพื่อนำไปขาย

        อันที่จริงหากเขาต้องการหาเงินก็แสนง่ายดาย เพียงหลอมโอสถที่ทำให้คนต้องตกตะลึงไม่กี่อย่าง หรือไม่ก็ขายวิธีการใช้ยาน้ำเสริมกำลังออกไป ก็พอจะทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ในเมืองกวนซานเจิ้นคลุ้มคลั่งได้แล้ว แต่เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับอวิ๋นโม่ อีกอย่างเขาไม่ต้องการเสี่ยง หากนำโอสถที่หลอมไว้ออกมาขาย ต่อให้ปิดบังฐานะของตนเอาไว้ก็อาจถูกคนตรวจสอบได้อยู่ดี ถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่เขา แต่เมิ่งเอ๋อร์และมารดาก็จะตกอยู่ในอันตรายไปด้วย แค่ตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่งอย่างตระกูลอวิ๋นไม่อาจปกป้องพวกเขาได้

        สุดท้ายอวิ๋นโม่จึงปรุงยารักษาอาการเจ็บป่วยทั่วไปและยาเสริมกำลังที่คุณภาพดีสักหน่อยแล้วนำไปขาย แม้จะเป็นเพียงยาสามัญ แต่ก็ทำให้เมืองกวนซานเจิ้นเกิดความเคลื่อนไหว ผู้คนมากมายไต่ถาม

        อวิ๋นโม่จนปัญญา หากคนรู้มากเกินไป เขาจะตกอยู่ในอันตราย สุดท้ายจึงต้องหยุด หากยังขายต่อไป ยังไม่ต้องพูดถึงคนเจ้าแผนการ แค่ความขุ่นเคืองของขุมกำลังที่จำหน่ายยาลูกกลอนก็เพียงพอจะทำให้เขากระอักแล้ว แต่ละสาขาอาชีพในเมืองกวนซานเจิ้นต่างก็อยู่ในมือขุมอำนาจแต่ละฝ่าย อวิ๋นโม่แหย่เท้าเข้าไปในตลาดยาลูกกลอนย่อมทำให้ขั้วอำนาจบางกลุ่มไม่พอใจ ตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถมากพอที่จะรับมือ

        ผ่านไปสามวัน อาศัยการขายยาลูกกลอนอวิ๋นโม่ก็เก็บเงินได้อีกหลายพันเหรียญทอง ตอนนี้บนตัวเขามีเงินรวมกันประมาณสามหมื่นกว่า เงินจำนวนนี้เพียงพอที่จะเข้าร่วมประมูลถุงเฉียนคุนแล้ว

        เมื่อวันจัดงานประมูลมาถึง อวิ๋นโม่ก็ตระเตรียมหน้ากากและเสื้อผ้าที่ใช้ปลอมตัวใส่ไว้ในห่อสัมภาระ จากนั้นเดินออกจากบ้านไป

        การประมูลครั้งนี้เหนือกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา คนมากมายเดินทางไปยังสถานที่จัดงานประมูล บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่

        อวิ๋นโม่หาสถานที่ลับตาเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าปลอมตัว แต่แล้วสีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาปล่อยญาณหยั่งรู้ออกมาตรวจสอบก็พบว่า มีผู้ฝึกยุทธ์สวมเครื่องแบบตระกูลฉินจำนวนไม่น้อยซ่อนตัวอยู่รอบโรงประมูล และยอดฝีมือระดับก่อจิตผู้หนึ่งของตระกูลฉินกำลังยืนอยู่ที่ประตูสถานที่จัดงานประมูล ยิ้มรับคำทักทายจากผู้คนแต่กลับไม่ได้เข้างาน ราวกับว่ากำลังรออะไรอยู่ อีกทั้งข้างกายของคนผู้นั้นยังมีฉินเหอหลินยืนอยู่ด้วย 

        ยอดฝีมือระดับก่อจิตผู้นั้นก็สามารถใช้ญาณหยั่งรู้เช่นกัน ทุกครั้งที่มีคนใส่หน้ากากเดินผ่านต่างก็ต้องถูกตรวจสอบ ญาณหยั่งรู้ของอวิ๋นโม่ไกลระดับหนึ่งร้อยจั้ง สามารถเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน แต่ว่าญาณหยั่งรู้ของคนผู้นั้นไม่กว้างไกลเท่าอวิ๋นโม่ ย่อมไม่พบว่าญาณหยั่งรู้ของอวิ๋นโม่กำลังตรวจสอบตน

        “นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร” อวิ๋นโม่ขมวดคิ้ว หากตระกูลฉินจ้องหาเรื่องเขาโดยมียอดฝีมือระดับก่อจิตอยู่ด้วย ฐานะของเขาก็อาจถูกเปิดเผย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

        แล้วจะเข้าโรงประมูลโดยไม่ถูกพบเห็นได้อย่างไร ในช่วงเวลาสั้นๆ อวิ๋นโม่ยังหาทางไม่ได้

        ขณะที่อวิ๋นโม่กำลังยุ่งยากใจอยู่นั้น หัวไหล่ก็ถูกคนผู้หนึ่งสะกิดทัก

        “เฮ้! อวิ๋นโม่!” เด็กหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏตัวเบื้องหน้าอวิ๋นโม่พร้อมรอยยิ้มซื่อ

        “เสวียนเซิง” อวิ๋นโม่ผุดยิ้ม หนุ่มน้อยตรงหน้ามีนามว่าอวิ๋นเสวียนเซิง เป็นลูกหลานตระกูลอวิ๋นเช่นกัน เด็กหนุ่มเป็นคนใสซื่อตรงไปตรงมาจึงไม่ค่อยมีสหายในตระกูลอวิ๋น วันที่อวิ๋นโม่เอาชนะอวิ๋นเลี่ย บิดาบังคับให้เขามาทำความรู้จักกับอวิ๋นโม่ กับเด็กหนุ่มที่มีนิสัยเปิดเผยไร้แผนการในใจ อวิ๋นโม่ยังยินดีผูกมิตรอยู่บ้าง 

        เมื่อมองผ่านเด็กหนุ่มไปก็เห็นบิดาของเขาอวิ๋นต้ามั่ว หากเปรียบเทียบกับความซื่อของอวิ๋นเสวียนเซิงแล้ว อวิ๋นต้ามั่วนับว่ามีชั้นเชิงกว่ามาก ส่วนหนึ่งอาจเพราะวัยวุฒิ ได้รู้ได้เห็นมามากกว่า จึงไม่ใช่เรื่องที่คนอายุน้อยอย่างอวิ๋นเสวียนเซิงจะเปรียบเทียบได้ แต่ว่าอวิ๋นต้ามั่วกับอวิ๋นโม่ไม่มีเรื่องขัดแย้งกัน อวิ๋นโม่จึงไม่รังเกียจคนเหล่านี้ เขาโค้งตัวลงเอ่ยทักทาย “ท่านลุงต้ามั่ว!” 

        “อืม” อวิ๋นต้ามั่วพยักหน้ารับ “อวิ๋นโม่ เจ้าก็จะมาร่วมงานประมูลหรือ”

        อวิ๋นเสวียนเซิงตาเป็นประกายขึ้นมา เอ่ยต่อว่า “อวิ๋นโม่ เจ้าก็จะไปร่วมงานประมูลด้วย พอดีเลยพวกเราไปด้วยกันเถอะ”

        อวิ๋นโม่หัวเราะเสียงขื่นคำหนึ่งส่ายศีรษะเอ่ย “ข้าก็อยากเข้าไป แต่เสียดายที่ไม่มีตั๋ว เข้าไปไม่ได้ พวกท่านไปเถอะ ข้าดูอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”

        “อ๋า” อวิ๋นเสวียนเซิงเกิดความเห็นใจอยู่บ้าง เขาพอจะรู้ฐานะครอบครัวของอวิ๋นโม่ บิดาของตนเป็นยอดฝีมือระดับเปลี่ยนชีพจรขั้นแปดชั้นฟ้า ตั๋วงานประมูลหนึ่งใบสำหรับครอบครัวของเขาแล้วไม่นับเป็นปัญหา แต่สำหรับอวิ๋นโม่ถือว่าราคาสูงเทียมฟ้า

        อวิ๋นเสวียนเซิงไม่รู้ว่าอวิ๋นโม่ไม่ใช่อวิ๋นโม่ในกาลก่อนแล้ว จึงคิดว่าบ้านของเขายังยากจนอยู่

        “ท่านพ่อ ท่านไม่มีหนทางบ้างหรือ ช่วยอวิ๋นโม่หน่อยเถอะ” เพราะอุปนิสัยส่วนตัวของอวิ๋นเสวียนเซิงทำให้เขามีสหายน้อย เขารู้สึกดีกับอวิ๋นโม่อยู่บ้าง พอเห็นอีกฝ่ายอยากเข้าร่วมงานประมูลแต่ไม่มีตั๋ว จึงเกิดความคิดว่าสมควรช่วยเหลืออวิ๋นโม่บ้าง

        อวิ๋นต้ามั่วยิ้มจาง เอ่ยว่า “ข้าซื้อตั๋วห้องอักษรมนุษย์เอาไว้หนึ่งใบ สามารถพาคนสองคนเข้าไปได้ อวิ๋นโม่ หากเจ้าไม่ถือสาละก็ไปกับพวกเราเถอะ”

        “เยี่ยมเลย!” อวิ๋นเสวียนเซิงกระโดดตัวลอย ปรบมือติดๆ กัน ราวกับตนเป็นผู้ได้รับความช่วยเหลือ

        อวิ๋นโม่เตรียมปฏิเสธ เขาต้องการประมูลถุงเฉียนคุนแล้วจะไปพร้อมกับพวกอวิ๋นเสวียนเซิงได้อย่างไร แต่แล้วในใจพลันคิดได้ คนของตระกูลฉินยังอยู่หน้าประตู เขาคิดไม่ออกว่าจะแก้ไขความยุ่งยากนี้อย่างไร ตอนนี้ไม่ใช่ว่ามีโอกาสแล้วหรือ หากติดตามอวิ๋นต้ามั่วเข้างานประมูล พอถึงเวลาก็หาข้ออ้างปลีกตัวออกมา จากนั้นไปยังห้องส่วนตัวของตนเองก็ได้แล้ว

        “ขอบคุณท่านลุงต้ามั่ว!” ดวงหน้าของอวิ๋นโม่เผยความตื่นเต้น กล่าวขอบคุณไม่ขาดปาก

        อวิ๋นต้ามั่วหัวเราะพลางกล่าว “เจ้าเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่เลวคนหนึ่ง ต่อไปก็สนิทสนมกับเสวียนเซิงให้มากๆ” พูดแล้วก็เดินนำเข้าไปในงานประมูล

        อวิ๋นเสวียนเซิงเดินไปพร้อมอวิ๋นโม่ พลางอธิบายสินค้าในงานประมูลครั้งนี้ให้เขาฟังอย่างคุ้นเคย

        “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมการประมูลครั้งนี้จึงมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก” ไม่รอให้อวิ๋นโม่ตอบ อวิ๋นเสวียนเซิงก็เอ่ยต่อ “เป็นเพราะครั้งนี้จะมีการประมูลถุงเฉียนคุน! ถุงเฉียนคุนเชียวนะ! นั่นเป็นสิ่งที่มีแต่ยอดฝีมือระดับก่อจิตเท่านั้นจึงจะใช้ได้ ถุงใบเล็กขนาดนั้น แต่ด้านในมีพื้นที่กว้างใหญ่ สามารถเก็บสิ่งของได้มากมาย”

        เมื่อพูดถึงถุงเฉียนคุน อวิ๋นเสวียนเซิงก็ตื่นเต้นจนพูดไม่หยุด

        “ลองคิดดูสิ หากมีถุงเฉียนคุนละก็ ทุกครั้งที่พวกท่านพ่อของข้าขึ้นไปยังเทือกเขาเหนือเมฆาก็จะสามารถรั้งอยู่ได้นานกว่าเดิม เก็บเกี่ยวสมุนไพรและวัตถุดิบสัตว์อสูรได้มากกว่าเดิม”

        อวิ๋นต้ามั่วคือรองหัวหน้ากลุ่มล่าสัตว์กลุ่มเล็กๆ ของตระกูลอวิ๋น ทุกครั้งที่เข้าไปในเทือกเขาเหนือเมฆา สามารถนำสิ่งของออกมาได้ไม่มาก ดังนั้นทุกครั้งจึงได้รับผลประโยชน์จำกัด ต่อให้พบเจอของล้ำค่ามากมายก็ไม่อาจนำออกมา

        “ได้ยินว่าเพื่อร่วมประมูลถุงเฉียนคุน พวกท่านประมุขตระกูล เตรียมเงินไว้จำนวนมาก ทรัพยากรของพวกเราในเดือนนี้ บางทีอาจไม่มีก็เป็นได้ เพราะเงินทั้งหมดถูกเตรียมไว้เพื่อถุงเฉียนคุน”

        อวิ๋นโม่ตกตะลึงอยู่ในใจ หากเป็นเช่นนั้นทรัพย์สินเงินทองที่พวกประมุขตระกูลตระเตรียมไว้จะต้องมากกว่าที่คาดแน่ คิดถึงตรงนี้อวิ๋นโม่ก็ได้แต่หัวเราะขมขื่นอยู่ในใจ เขาดูถูกแรงดึงดูดของถุงเฉียนคุนที่มีต่อขุมกำลังใหญ่มากไปเสียแล้ว อวิ๋นโม่อดสงสัยไม่ได้ว่าเงินที่ตนมีอยู่ในมือจะพอหรือไม่

        “เหอะๆ เหตุที่การประมูลครั้งนี้ครึกครื้น ไม่เพียงแต่เพราะถุงเฉียนคุน แต่สิ่งของอื่นๆ ก็มีส่วนด้วย ในการประมูลครั้งนี้มีสิ่งของที่มีมูลค่าเกินหมื่นเหรียญอยู่หลายชิ้น ไม่มีทางพบเจอได้ในงานประมูลทั่วไป สินค้าที่ประมูลในครั้งนี้ ชิ้นที่ราคาต่ำที่สุดมีราคาสิบกว่าเหรียญทอง!”

        สีหน้าอวิ๋นโม่สงบนิ่ง เขาสนใจแค่ถุงเฉียนคุนเท่านั้น ของอื่นๆ ล้วนไม่เข้าตา โดยเฉพาะพวกโอสถวิเศษหลายเม็ดนั้น อวิ๋นโม่ไม่จำเป็นต้องใช้ สำหรับเขาแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจทั้งสิ้น

        แต่อวิ๋นเสวียนเซิงกลับให้ความสนใจสินค้าในงานประมูลครั้งนี้มาก เขาไม่สนใจว่าอวิ๋นโม่จะคิดอย่างไร ยังคงแนะนำสิ่งต่างๆ ไม่ขาดปาก

        “ครั้งนี้ได้ยินว่าสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุยนำขวานวิญญาณออกมาเล่มหนึ่ง บิดาของข้าถูกใจขวานเล่มนั้น หากสามารถประมูลมาได้ พลังของบิดาข้าจะเพิ่มขึ้น ต่อไปเมื่อขึ้นไปยังเทือกเขาเหนือเมฆาก็สามารถเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม เสาะหาสมุนไพรวิญญาณและสัตว์อสูรได้ดียิ่งขึ้น”

        อวิ๋นต้ามั่วหันกลับมาดุยิ้มๆ ว่า “เจ้าตัววุ่นวาย พูดจาไร้สาระอันใด” ก่อนหันไปมองอวิ๋นโม่ “อวิ๋นโม่ เจ้าอย่าไปฟังเจ้าเด็กนี่พูดมาก ข้าเพียงมีความคิดเช่นนั้นอยู่บ้าง ผู้มีเงินเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้จำนวนมาก เงินของข้าเกรงว่ายากจะประมูลได้”

        อวิ๋นโม่เผยยิ้ม แม้อวิ๋นต้ามั่วจะพูดอย่างถ่อมตน แต่ความรู้สึกที่แฝงในคำพูดกลับแสดงออกชัดเจน เขามั่นใจมากว่าจะประมูลขวานวิญญาณได้สำเร็จ

        “ท่านลุงต้ามั่วจะต้องประมูลขวานวิญญาณมาได้แน่!” อวิ๋นโม่กล่าว

        อวิ๋นต้ามั่วหัวเราะชอบใจ “เช่นนั้นก็ขอให้สมพรปากเจ้า!”

        พวกเขาหัวเราะพลางเดินเข้างานประมูลโดยที่คนตระกูลฉินไม่ได้สนใจตรวจสอบพวกเขา

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท