กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 52 คนทรยศคือผู้ใด

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        อวิ๋นหู่ยกมุมปากขึ้นสูง มองดูอวิ๋นโม่ด้วยสายตาเย็นชาราวกับมองคนตาย ผู้คนรอบด้านต่างตะโกนให้อวิ๋นหลานเหอรีบจับตัวอวิ๋นโม่

        ตอนนั้นเองอวิ๋นต้ามั่วก็พลันเอ่ยปาก “หัวหน้ากลุ่ม ข้าคิดว่าไม่ควรลงมืออย่างผลีผลาม”

        “จะเรียกว่าผลีผลามได้อย่างไร คนผู้นี้มีที่มาไม่ชัดเจน เปิดปากก็บอกว่าตระกูลอวิ๋นมีคนทรยศ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาแอบแฝง จับกุมมันเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว!” อวิ๋นเลี่ยส่งเสียงแหลม

        “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของตระกูลอวิ๋นเรา จับกุมเขาเพื่อความปลอดภัยของตระกูล จะเรียกว่าผลีผลามได้อย่างไร” ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นอีกคนเอ่ยอย่างเห็นด้วย

        อวิ๋นหลานเหอไม่สนใจคนเหล่านั้น หันไปทางอวิ๋นต้ามั่ว ถามว่า “เจ้าคิดว่าสมควรทำอย่างไร”

        “ข้าว่าน้องชายผู้นี้ยังพูดไม่จบ ทำไมไม่รอให้เขาพูดจบก่อนค่อยตัดสินใจ” อวิ๋นต้ามั่วสามารถครองตำแหน่งรองหัวหน้ากลุ่มได้ย่อมไม่ใช่ผู้มีความคิดตื้นเขิน ยามนี้ก็แสดงออกอย่างสุขุม “ถึงตอนนั้นจะตัดสินว่าเขาจิตใจชั่วร้าย มีเจตนาร้ายต่อตระกูล เราค่อยลงมือก็ยังไม่สาย แต่หากน้องชายผู้นี้มาเพื่อเตือนภัยจริงๆ พวกเราไม่แยกแยะดีชั่วก็ลงมือ นี่ไม่เท่ากับทำร้ายจิตใจผู้อื่นหรือ”

        “นี่…” พอได้ยินคำพูดนี้ บางคนก็ผ่อนคลายท่าที จริงด้วย หากคนผู้นี้มาเพื่อเตือนภัยตระกูลอวิ๋นจริงๆ พวกเขาทำเช่นนั้นจะมิเท่ากับว่าตอนแทนบุญคุณด้วยความแค้นหรือ 

        “รองหัวหน้ากลุ่มพูดไม่ผิด ข้าก็เห็นว่าน้องชายผู้นี้เป็นเพียงระดับเสริมกำลังเท่านั้น หากเขามีจิตคิดร้ายจริง ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยจับตัวเขา เขาก็ไม่มีทางหนีไปได้” มีคนแสดงตัวเห็นด้วยกับอวิ๋นต้ามั่ว

        “นี่จึงสมเหตุสมผล รอให้เขาพูดให้จบก่อน!”

        คนไม่น้อยต่างออกความเห็นให้ฟังอวิ๋นโม่พูดก่อน แม้แต่คนที่เมื่อครู่บอกให้จับอวิ๋นโม่ ตอนนี้ก็เปลี่ยนใจแล้ว

        อวิ๋นหู่สีหน้าหนักอึ้ง เขาอ้าปากคิดจะกล่าวอะไร อวิ๋นหลานเหอก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว

        “น้องชาย บอกเรื่องที่เจ้ารู้มาเถอะ หากเจ้าพูดเรื่องจริง ตระกูลอวิ๋นจะต้องขอบคุณเจ้า ตอนแทนบุญคุณเจ้าแน่นอน แต่หากพวกเราพบว่าเจ้ามีแผนการอื่น ก็อย่าได้โทษว่าพวกเราลงมือไร้เมตตา!”

        อวิ๋นหลานเหอออกปากไปแล้ว ต่อให้อวิ๋นหู่มีความคิดเป็นอื่นก็ไม่เหมาะที่จะกล่าวคำ หากเขาแสดงท่าทีออกนอกหน้ามากไปจะเป็นการกระตุ้นความสงสัยของผู้คน

        อวิ๋นโม่ก้าวไปข้างหน้าช้าๆ อีกสองก้าว ขยับเข้าใกล้อวิ๋นหู่มากขึ้น เขาพอใจการแสดงออกของคนอื่นๆ ในตระกูลอวิ๋น นี่ทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตนทำลงไปไม่เสียเปล่า

        “เรื่องที่ข้าพูดเป็นจริงหรือไม่ ข้าคิดว่าขอเพียงฟังสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไป พวกเจ้าก็แยกแยะได้แล้ว” อวิ๋นโม่เอ่ยอย่างใจเย็น เขาไม่ได้อวดดี แต่ต่อให้คนตระกูลอวิ๋นไม่เชื่อ เขาก็สามารถถอนตัวได้อย่างสบายๆ

        “เจ้าว่ามาเถอะ!” ทุกคนมองไปที่อวิ๋นโม่

        “พวกเจ้ากำลังเตรียมการเก็บสมุนไพรที่ล้ำค่าเป็นพิเศษชนิดหนึ่งใช่ไหม” สายตาของอวิ๋นโม่กวาดมองคนทั้งหมด ดูจากปฏิกริยาของพวกเขาก็รู้แล้วว่าข่าวสารที่ตระกูลฉินได้รับเป็นเรื่องจริง “หากข่าวนี้ไม่ผิด จุดที่มีสมุนไพรวิญญาณคือหุบเขาหมาป่าวายุ!” 

        “เจ้ารู้ได้อย่างไร!” ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี แผนการนี้ กลุ่มล่าสัตว์กำหนดขึ้นอย่างเป็นความลับ อวิ๋นโม่รู้เรื่องนี้ก็แสดงว่าในหมู่พวกเขามีคนทรยศอยู่จริง! 

        “บังอาจ! กล้าลอบฟังแผนการของกลุ่มล่าสัตว์ตระกูลอวิ๋น! บอกมา เจ้าเป็นใครกันแน่!” อวิ๋นหู่ตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าถมึงทึง ลมปราณในร่างผุดขึ้นมารวมกับปราณภายนอก คลื่นพลังที่น่ากลัวม้วนเข้าหาอวิ๋นโม่

        “อวิ๋นหู่!” อวิ๋นหลานเหอเผยสีหน้าเย็นเยียบราวน้ำแข็ง พุ่งไปบังด้านหน้าอวิ๋นหู่ แผนการนี้พวกเขาปรึกษากันอย่างเป็นความลับ คนอื่นไม่มีทางแอบฟังได้ นอกเสียจากเป็นยอดฝีมือระดับท่องพันลี้ แต่หากผู้แข็งแกร่งระดับนั้นคิดจะเล่นงานพวกเขา ยังจะต้องทำอะไรยุ่งยากไปทำไม ดังนั้นอวิ๋นหลานเหอตระหนักได้ในทันที ตระกูลอวิ๋นมีคนทรยศจริง! 

        “ขออภัย หัวหน้ากลุ่ม ข้าอารมณ์ร้อนจึงได้เสียกิริยา” อวิ๋นหู่รีบเอ่ยขอโทษ “ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นี้รู้แผนการของพวกเราได้อย่างไร แต่ข้าเชื่อว่าในตระกูลไม่มีคนทรยศ!”

        “หึ ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อ!” อวิ๋นหลานเหอพูดเสียงเย็น

        คำพูดของอวิ๋นหลานเหอทำให้อวิ๋นหู่ใจสั่น ไม่เชื่อกับไม่อยากจะเชื่อ ต่างกันหนึ่งอักษรแต่ความหมายห่างไกลกันมาก หรือว่า คำพูดนี้ อีกฝ่ายจงใจเอ่ยให้เขาฟัง มันยังแฝงความหมายอื่นอีกหรือไม่

        “แต่ว่าเมื่อเรื่องกลายเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็ยังไม่อาจด่วนสรุป อวิ๋นหู่ ก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วนี่ รอให้เขาพูดจบก่อน เมื่อครู่เขาพูดยังไม่ทันจบ เจ้าก็กระโดดออกมา หรือเจ้าไม่กล้าฟังต่อไป”

        “หัวหน้ากลุ่ม คำพูดนี้ของท่านหมายความว่าอะไร” อวิ๋นหู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นทำหน้าทั้งโศกเศร้าและขุ่นเคือง “ตัวข้าอวิ๋นหู่ร่างกายเหยียดตรงย่อมไม่กลัวเงาเอียง* ปล่อยให้เขาพูดจนจบ ดูสิว่าจะทำอะไรได้”

        “ร่างกายเหยียดตรงย่อมไม่กลัวเงาเอียงเกรงว่าคงไม่ใช่เสมอไปหรอกกระมัง” อวิ๋นโม่เอ่ยกลั้วหัวเราะ

        “เจ้าหมายความว่าอะไร” อวิ๋นเลี่ยร้องถาม อวิ๋นหู่เองก็โกรธจนเห็นได้ชัด

        “ในเมื่อตระกูลฉินรู้แผนการของพวกเจ้าแล้วก็แสดงว่า ตระกูลอวิ๋นมีคนทรยศอยู่จริง” อวิ๋นโม่ไม่สนใจอวิ๋นเลี่ย แต่พูดต่อจากเมื่อครู่ “หุบเขาหมาป่าวายุเป็นที่อยู่ของหมาป่าวายุฝูงหนึ่ง ยามกลางวันฝูงหมาป่ามักจะออกล่า ค่อนข้างอันตราย พอตกค่ำพวกมันจะกลับไปนอนในหุบเขา ถึงตอนนั้นบริเวณรอบหุบเขาจะค่อนข้างปลอดภัย ดังนั้นพวกเจ้าเตรียมอาศัยช่วงเวลาที่ฝูงหมาป่าหลับไปแล้วเข้าไปเก็บสมุนไพรล้ำค่า ส่วนตระกูลฉินก็คิดฉวยโอกาสนี้ล้อมพวกเจ้าเอาไว้”

        “ลองคิดดู ตระกูลฉินมีผู้แข็งแรงระดับก่อจิต กลุ่มโจรของแมงป่องพิษก็เป็นยอดฝีมือระดับก่อจิต ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเปลี่ยนชีพจรชั้นสูงน่าจะมีอยู่หลายคน หากบุกกันมาแบบนี้ พวกท่านจะรับมือไหวหรือ ไม่ไหว! ไม่ไหวแน่นอน! ดังนั้นพวกท่าน หากไม่ใช่ต่อสู้จนตัวตาย ก็ถูกบีบให้เข้าไปในหุบเขา แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน เกรงว่าผลลัพธ์คงเหลือเพียงข้อเดียวเท่านั้น”

        ตอนนี้คนตระกูลอวิ๋นทั้งหมดสีหน้าอึมครึม หากเป็นดังนั้นจริง พวกเขาก็ไร้หนทางรับมือ

        “เป็นไปไม่ได้! หากตระกูลฉินและพวกโจรภูเขากล้าทำจริง จะต้องถูกตระกูลอวิ๋นเราไล่ฆ่า ตอนนี้ตระกูลอวิ๋นเรามียอดฝีมือระดับท่องพันลี้คุ้มครอง พวกมันไหนเลยจะกล้า” มีคนกล่าวขึ้น แต่น้ำเสียงลังเล เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเริ่มเชื่อแล้ว

        “หากพวกผู้นำตระกูลอวิ๋นไม่รู้ว่านี่เป็นฝีมือของตระกูลฉินและแมงป่องพิษล่ะ”

        “เป็นไปไม่ได้! ตระกูลฉินคิดฆ่าพวกเราย่อมต้องเหลือหลักฐาน!”

        “ตามสถานการณ์ทั่วไปย่อมเป็นเช่นนั้น แต่หากมีผู้รอดชีวิตคนหนึ่งที่ ‘เห็นเหตุการณ์’ ทั้งหมด กลับไปตระกูลอวิ๋นพร้อมเล่าว่ากลุ่มล่าสัตว์ตระกูลอวิ๋นถูกฝูงหมาป่าปิดล้อม จะเป็นอย่างไร”

        “ถึงตอนนั้น พวกผู้กล้าตระกูลอวิ๋นรีบรุดมาช่วยเหลือกลุ่มล่าสัตว์ สิ่งที่พวกเขาได้เห็นก็จะมีเพียงกองกระดูกขาวโพลน อีกทั้งบนเทือกเขาเหนือเมฆามีสัตว์อสูรแข็งแกร่งนับไม่ถ้วน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับท่องพันลี้ก็ยังไม่อาจรับรองได้ว่าสามารถเข้าออกอย่างสะดวกสบาย หากคิดจะล่อลวงผู้แข็งแกร่งระดับระดับท่องพันลี้ วิธีก็มีอยู่ไม่น้อย”

        หัวใจของคนตระกูลอวิ๋นเหมือนอยู่ในฤดูหนาว พวกเขาย่อมเข้าใจดีว่าผู้รอดชีวิตก็คือคนทรยศผู้นั้น! ฟังความหมายจากคำของอวิ๋นโม่ ดูท่าคนทรยศผู้นั้น ไม่เพียงคิดจะส่งกลุ่มล่าสัตว์ไปตาย แต่ยังคิดจัดการพวกผู้นำในตระกูลอวิ๋น!

        ทุกคนมองไปทางอวิ๋นโม่โดยไม่พูดอะไร แต่ในแววตามีความโกรธเกรี้ยว

        อวิ๋นโม่รู้ว่าคนเหล่านี้เชื่อคำพูดของเขาไปกว่าครึ่งแล้ว ตอนนี้ กำลังรอให้เขาเอ่ยนามของคนทรยศออกมา

        “อวิ๋นหู่!” อวิ๋นโม่กล่าวเพียงสองคำแล้วไม่พูดอะไรอีก อันที่จริงความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว

        “เป็นเขาจริงหรือ” คนตระกูลอวิ๋นมองตรงไปที่อวิ๋นหู่

        สิ่งที่ทำให้คนต้องแปลกใจคือ อวิ๋นหู่กลับดูสงบนิ่ง เผชิญหน้ากับทุกคนด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ เหมือนคำที่เขาพูดเอาไว้ว่า ร่างกายเหยียดตรงย่อมไม่กลัวเงาเอียง

        ………………………………………

        *身正不怕影子斜 Shēn zhèng bùpà yǐngzi xié หมายถึง เป็นคนสุจริตยึดมั่นคุณธรรมย่อมไม่กลัวคำครหาว่าร้าย

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท