กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 53 ถูกล้อม

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        “ทุกคน!” อวิ๋นหู่กางสองมือออก ท่าทางบอกว่าคาดเดาเอาไว้แล้ว “เมื่อครู่ข้าพูดอะไรไว้ คนผู้นี้จิตใจชั่วช้า เป็นไปได้ที่จะให้ร้ายว่าข้าเป็นคนทรยศของตระกูล แล้วผลเป็นเช่นไร เขาใส่ความข้าจริงๆ!”

        อวิ๋นเลี่ยเดินแยกออกมาจากกลุ่มคน ชี้หน้าด่าอวิ๋นโม่ “เจ้าคนบัดซบ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่หวังดี! ท่านปู่ของข้าจะทรยศตระกูลได้อย่างไร ทุกคน ฆ่ามันเสีย มันยุแยงพวกเรา เป็นตัวอันตราย!”

        “เขาบอกว่าข้าคือผู้ทรยศ หากทุกคนหลงกล ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวอาจจะมี ‘คนทรยศ’ อีกหลายคนตามมา จุดประสงค์ของคนพูดชัดเจนมาก คือต้องการให้ตระกูลอวิ๋นเราแตกคอกันเอง ขุมกำลังอื่นจะได้มีโอกาสฉกฉวย!” อวิ๋นหู่หันไปทางผู้คนพลางเอ่ยเสียงแหลม “อีกอย่าง ที่เขาบอกว่าข้าเป็นคนทรยศก็ไม่มีหลักฐาน!”

        “ใช่! ก่อนหน้านี้ข้าเคยทำเรื่องที่ผิดต่อตระกูล แต่ข้าก็ได้รับโทษหนักตามสมควรไปแล้ว ข้าอวิ๋นหู่ ไม่เคยคิดหักหลังตระกูล อีกอย่างข้าเชื่อว่าทุกคนในที่นี้ต่างก็ไม่มีความคิดจะทรยศตระกูล!” 

        “แน่นอน ความจริงแล้วเจ้าไม่ได้คิดหักหลังตระกูล” อวิ๋นโม่เอ่ยพลางส่ายศีรษะ ทำให้คนทั้งหมดตะลึงไป คำพูดนี้ เขาหมายความว่าอย่างไร

        “สมควรพูดว่า เจ้าไม่ได้คิดล้มล้างตระกูลอวิ๋นจนสิ้น ก่อนหน้านี้เจ้าคือผู้อาวุโสแปด อำนาจเหลือล้น ผลประโยชน์ที่เคยได้รับก็มากมาย ตอนนี้เจ้าถูกปลดจากตำแหน่ง สูญเสียทรัพย์สินที่เคยมี คนที่เคยประจบประแจงเจ้าต่างก็ไม่สนใจเจ้าอีก อีกทั้งหากเจ้าต้องการทรัพยากรเพื่อฝึกฝนก็จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตขึ้นมาบนเขาเหนือเมฆา ดังนั้นเจ้าจึงยอมไม่ได้! เจ้าไม่ยอมตกต่ำจากผู้สูงส่งที่กุมอำนาจกลายเป็นสมาชิกธรรมดาของตระกูลผู้หนึ่ง!”

        “ดังนั้นเจ้าสมคบคิดกับตระกูลฉิน คิดกวาดล้างพวกตระกูลอวิ๋น จัดระเบียบตระกูลอวิ๋นเสียใหม่ ให้กลายเป็นขุมอำนาจของเจ้า! ถึงตอนนั้น แม้เจ้าจะเป็นเพียงระดับเปลี่ยนชีพจร แต่ในเมื่อมีผู้คนมากมายต้องการพึ่งพา ก็เพียงพอที่จะผลักดันให้เจ้าเป็นใหญ่ในตระกูลอวิ๋น และกลืนกินอำนาจอื่นในเมืองกวนซานได้แล้ว!”

        “เจ้าพูดจาไร้สาระ! ท่านปู่ของข้าจะมีความคิดเช่นนั้นได้อย่างไร ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่เจ้าปั้นแต่งขึ้นมา!” อวิ๋นเลี่ยร้องออกไป ทำท่าจะถลาไปจัดการอวิ๋นโม่ แต่ก็ถูกบางคนรั้งเอาไว้

        “สหาย คำพูดบางคำไม่อาจกล่าวเหลวไหล” อวิ๋นหลานเหอเอ่ยเสียงต่ำ เขาไม่อาจสรุปเอาง่ายๆ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงปัญหาใหญ่ หากเป็นจริงตามที่อวิ๋นโม่พูดก็น่ากลัวมากแล้ว

        “มีหลักฐานหรือไม่” อวิ๋นต้ามั่วสอบถาม

        “ใช่แล้ว เจ้ามีหลักฐานอะไร” คนอื่นๆ พากันถาม อวิ๋นหู่เป็นยอดยุทธ์ระดับเปลี่ยนชีพจรชั้นสูง นับเป็นเรี่ยวแรงระดับกลางของตระกูลอวิ๋น ไม่อาจสูญเสียไปได้ง่ายๆ แต่ว่าเรื่องที่อวิ๋นโม่พูดมาทั้งหมดช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องระมัดระวัง ไม่หมดความระแวงอวิ๋นหู่ไปง่ายๆ

        “หึๆ หลักฐานหรือ ข้าไม่มีหรอก” อวิ๋นโม่โบกมือ

        “อะไรนะ” หลายคนดวงตาเข้มขึ้น “เรื่องที่ไม่มีหลักฐาน เจ้าก็กล้าพูดออกมา?”

        “อันที่จริงเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องหาหลักฐาน ในเมื่ออวิ๋นหู่เห็นว่าข้ามีแผนร้าย ทุกเรื่องที่พูดออกมาล้วนหลอกลวง ขอเพียงพิสูจน์ได้ว่าตระกูลฉินและกลุ่มโจรของแมงป่องพิษรวมหัวกันคิดร้ายต่อตระกูลอวิ๋น เพียงเท่านี้เรื่องราวทั้งหมดก็กระจ่างแล้ว หากข้ามีแผนชั่วอยู่จริงก็ไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องที่ตระกูลฉินร่วมมือกับแมงป่องพิษแก่ทุกคน แต่หากข้าพูดจริง เช่นนั้นข้ายังจะต้องใส่ร้ายอวิ๋นหู่ไปทำไม”

        “จะพิสูจน์อย่างไร” อวิ๋นหลานเหอถามต่อ

        “ง่ายมาก ตอนนี้ต้องมีคนคอยจับตาดูพวกเจ้าอยู่แน่ อีกอย่างที่นอกหุบเขาหมาป่าวายุ ตระกูลฉินและพวกโจรจะต้องเตรียมการปิดล้อมเอาไว้ก่อน ถึงจะยังไม่ได้เริ่ม แต่ว่าตอนนี้ที่นั่นสมควรมีหน่วยสอดแนมของพวกมัน หากต้องการพิสูจน์คำพูดของข้า แค่ส่งคนไปตรวจสอบก็พอแล้ว”

        “ดี! เด็กๆ!” อวิ๋นหลานเหอเรียกคนออกมา สั่งการบางอย่างกับพวกเขารอบหนึ่ง คนเหล่านั้นแยกย้ายกันไปตามทิศทางต่างๆ

        “เรื่องนี้สำคัญมาก สหาย เจ้ากับอวิ๋นหู่สองคนก็รั้งอยู่ที่นี่ก่อน อย่าได้จากไปไหน หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ข้าจะต้องชดเชยให้ผู้บริสุทธิ์ด้วยตนเอง”

        อวิ๋นเลี่ยรีบเอ่ยคัดค้าน “หัวหน้ากลุ่ม เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นแผนใส่ร้ายท่านปู่ของข้าโดยคนบางคน ทำไมท่านจะต้องฟังเขาพูดจาไร้สาระด้วย”

        “หึ! หากท่านปู่ของเจ้าไม่ได้ทรยศตระกูล แล้วจะกลัวการตรวจสอบไปทำไม” อวิ๋นต้ามั่วเอ่ยขัด เขาเองก็เกิดความสงสัยอยู่บ้าง เพราะอวิ๋นหู่เคยทำเรื่องประเภทนี้มาก่อน อีกอย่าง แม้จะไม่เห็นสีหน้าของผู้แจ้งข่าว แต่น้ำเสียงของเขาก็แสดงออกชัดเจนว่านี่เป็นเรื่องจริง หากเขาพูดโกหก ก็นับว่ากล้ามากเกินไปแล้ว

        ตอนนี้บรรยากาศภายในสนามหนักอึ้ง หลายคนมองสายตาของอวิ๋นหู่ด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะดูอย่างไร เรื่องที่อวิ๋นหู่ทรยศตระกูลก็เป็นไปได้มาก

        อวิ๋นโม่ให้ความสนใจปฏิกิริยาของผู้คนทั้งหมด สีหน้าของทุกคนยังคงอึมครึม ส่วนอวิ๋นหู่ถึงอารมณ์จะสงบนิ่ง แต่ลึกลงไปในแววตาไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

        เวลาผ่านไปเชื่องช้า หลังหนึ่งชั่วยามผ่านไป ด้านหน้ามีเสียงพุ่มไม้เคลื่อนไหว พุ่มไม้หนาทึบถูกเปิดออก คนเลือดท่วมร่างผู้หนึ่งเดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา

        “ผู้ใด!” อวิ๋นต้ามั่วขยับขวานวิญญาณในมือ เดินขึ้นหน้าไปอีกก้าว

        “เป็นข้า!” ผู้ฝึกยุทธ์ที่ทั่วร่างมีแต่เลือด ตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนล้มลงไปกองกับพื้น

        คนตระกูลอวิ๋นตกตะลึง นี่ไม่ใช่คนที่หัวหน้ากลุ่มส่งไปสืบสถานการณ์หรอกหรือ ทุกคนพุ่งเข้าไป อวิ๋นหลานเหอพยุงคนผู้นั้นขึ้นมา หยิบลูกกลอนรักษาบาดแผลยัดเข้าไปในปาก ขณะเดียวกันก็สาดผงยาลงไปบนบาดแผลเพื่อช่วยห้ามเลือด

        “แค่กๆ!” คนผู้นั้นสำลักอย่างรุนแรง ถึงกับไอเอาลูกกลอนรักษาอาการบาดเจ็บออกมาด้วย “ฉิน… ตระกูลฉิน… แมงป่องพิษ… บุก… บุกมาแล้ว!”

        เมื่อพูดจบ สายตาของคนผู้นั้นก็อับแสง พลังชีวิตดับสูญ

        “ฆ่า!”

        “เฮอะๆ ทุกครั้งที่พบกลุ่มล่าสัตว์ตระกูลอวิ๋น ข้าล้วนไม่กล้าลงมือ ครั้งนี้จะฆ่าฟันให้สะใจ!”

        “เป็นพวกตระกูลอวิ๋นจริงๆ หัวหน้าไม่ได้โกหกพวกเรา ครั้งนี้จะต้องได้ลาภก้อนใหญ่แน่นอน!”

        เสียงฆ่าฟันดังตามมา พุ่มไม้เบื้องหน้าขยับไหว คนจำนวนเกือบร้อยบุกเข้ามาด้วยพละกำลังที่น่าตกตะลึง

        “โจรภูเขา เป็นพวกโจรภูเขา!” ที่นี่มีคนตระกูลอวิ๋นทั้งหมดสามสิบกว่าคนเท่านั้น จะต้านทานพวกโจรภูเขาเหล่านี้ได้อย่างไร

        “ทำไมพวกโจรภูเขาจึงกล้าแตะต้องตระกูลอวิ๋นเรา” ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นบางคนสงสัยจึงร้องถามออกมา

        “ถึงตอนนี้แล้วจะสนใจไปทำไมกัน เร็ว! รีบหนี!”

        “หนีรึ จะหนีไปไหน” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง คนทั้งหมดเพิ่งสังเกตว่า ด้านหลังมีผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากหลายสิบคนปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไรก็สุดจะรู้ ด้านหน้าถูกพวกโจรภูเขาล้อมเอาไว้ คนตระกูลอวิ๋นทั้งหมดถูกบีบอยู่ตรงกลาง

        “หึ! เดิมทีคิดจะจัดการให้เรียบ คิดไม่ถึงว่าเจ้าโง่นั่นจะถูกเปิดโปงเร็วขนาดนี้!” ยอดยุทธ์ที่มีแรงกดดันน่าพรั่นพรึงผู้หนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ

        “เป็นตระกูลฉิน! พวกมันต้องเป็นคนตระกูลฉินแน่!”

        “นี่เป็นเรื่องจริง ตระกูลฉินร่วมมือกับพวกโจรภูเขา คิดจะฆ่าพวกเราทั้งหมด!” คนมากมายตะโกนเสียงสั่น เผชิญหน้ากับศัตรูมากขนาดนี้ ต่อให้พวกเขาสู้สุดชีวิต คนที่หนีรอดเกรงว่าคงมีไม่กี่คน

        “หรือว่า” อวิ๋นหลานเหอใจสั่นรุนแรง หันกลับมามอง 

        “ตาย!”

        สิ่งที่เห็นคือใบหน้าดุร้ายถึงที่สุดของอวิ๋นหู่

        ดาบแหลมคมในมืออวิ๋นหู่ พุ่งเป้ามาที่ลำคอของอวิ๋นหลานเหอ แสงจากตัวดาบเย็นวาบ สาดประกายสังหารออกมา

        อวิ๋นหลานเหอเบิกตาโต ตกตะลึงรุนแรง คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะร่วมมือกับคนนอกเพื่อสังหารพวกตนจริง ดวงตาอวิ๋นหลานเหอฉายแววไม่ยินยอม อวิ๋นหู่และเขาต่างก็อยู่ระดับเดียวกัน แต่พออีกฝ่ายลอบลงมือ เขาก็หลบไม่พ้น

        ฟิ้ว เปรี้ยง! 

        ภายใต้แสงเย็นวาบ เลือดสดๆ สาดกระจายขึ้นฟ้า! 

        ……………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท