กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 56 สัตว์อสูรระดับสาม

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        อวิ๋นโม่สีหน้าเข้มขึ้น เขารู้ว่าในโลกนี้มีร่างกายประเภทหนึ่ง เรือนร่างทรงเสน่ห์ตั้งแต่เกิด แมงป่องพิษแม้ไม่ใช่ร่างทรงเสน่ห์ แต่ก็มีความสามารถใกล้เคียง ทั้งๆ ที่รู้ว่าแมงป่องพิษฝีมือโหดเหี้ยม แต่ในใจผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นยังบังเกิดความคิดอกุศล ตอนนี้สองตาร้อนผ่าว แทบจะโผเข้าไปร่วมสัมพันธ์กับแมงป่องพิษ

        นอกจากนี้ในดวงตาของทุกคนยังปรากฏความรู้สึกอยากคุ้มครอง คิดปกป้องแมงป่องพิษ คนไม่น้อยมองอวิ๋นโม่ด้วยสายตาที่แสดงออกว่าหากอวิ๋นโม่ลงมือ พวกเขาก็พร้อมจะเอาชีวิตเข้าแลก

        “เสน่ห์ของเจ้า” มุมปากอวิ๋นโม่โค้งขึ้น หันหน้าไปทางแมงป่องพิษ

        “ใต้เท้า” ดวงหน้าแมงป่องพิษอ่อนหวาน “ขอเพียงใต้เท้าปล่อยข้า ข้ายินดีทำทุกอย่าง”

        “เอาเถอะ งั้นข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” อวิ๋นโม่หัวเราะ

        “ไม่ได้นะสหาย!” อวิ๋นหลานเหอพยายามรั้งสติตัวเอง พอเห็นอวิ๋นโม่ยอมปล่อยแมงป่องพิษก็ร้อนใจขึ้นมา

        “ขอบคุณใต้เท้า!” แมงป่องพิษเผยสีหน้ายินดี กล่าวเสียงนุ่มนวล โถมทั้งร่างเข้าไปในอ้อมอกของอวิ๋นโม่

        ตูม! 

        ผลัวะ! 

        พลังหมัดอันน่ากลัวต่อยออกไปทะลุร่างแมงป่องพิษ ต้นไม้ด้านหลังหักโค่นต่อเนื่องกันสิบต้นถึงหยุดลง แมงป่องพิษกระอักเลือดรดพื้น มองทรวงอกของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา บริเวณนั้นมีรูขนาดใหญ่

        “เฮือก!” หลายคนสูดลมหายใจอย่างเหน็บหนาว มองแมงป่องพิษด้วยความเสียดายและเกลียดชัง ราวกับว่าคนรักของตนเองถูกคนทำร้าย

        “เจ้า… เชื่อไม่ได้!” แมงป่องพิษตะโกนด้วยความเกลียดแค้น

        อวิ๋นโม่หัวเราะเบาๆ เอ่ย “เจ้าเองก็คิดจะฆ่าข้าไม่ใช่หรือ” ว่าแล้วก็คว้ามือขวาของแมงป่องพิษขึ้นมา เผยให้เห็นเข็มเล็กละเอียดเล่มหนึ่งในอุ้งมือ

        “แมงป่องพิษ หึๆ นี่คงเป็นความชำนาญของเจ้าสินะ” อวิ๋นโม่พูดพลางหยิบเข็มนั้นขึ้นมาดม “อืม ไม่ธรรมดา ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับก่อจิต หากเผลอสัมผัสเข้าไปเกรงว่าคงต้องจบชีวิต”

        “ข้า… ประมาท… เจ้าเกินไป…” แมงป่องพิษผู้ทรงเสน่ห์จากไปอย่างไม่ยินยอม หญิงสาวตายแล้ว เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่พละกำลังอ่อนแอก็คืนสติ แววตาไม่รุ่มร้อนเช่นเดิมอีก พวกเขาต่างรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แมงป่องพิษร้ายกาจเกินไปแล้ว หากอวิ๋นโม่ไม่ได้ฆ่านาง พวกเขาคงตกเป็นของเล่นของนางอย่างง่ายดาย

        “หัวหน้า… หัวหน้าตายแล้ว!” พวกโจรตกใจอย่างที่สุด ตะโกนร้องพลางแยกย้ายกันหนีเอาชีวิตรอด

        “ฆ่า! อย่าปล่อยให้พวกโจรหนีไป” อวิ๋นหลานเหอตะโกนเสียงดัง สั่งให้คนตระกูลอวิ๋นไล่สังหารโจร

        อวิ๋นต้ามั่วเองก็ตะโกนสั่งการ “อย่าปล่อยให้พวกมันครอบครองเทือกเขาเหนือเมฆา! ฆ่า!” 

        อวิ๋นโม่ไม่ได้ไล่ตามสังหารพวกโจร เขาไม่มีเวลาว่างพอสำหรับกำจัดเภทภัยให้ชาวบ้าน โลกนี้มีเรื่องอยุติธรรมมากมาย เขาดูแลทั้งหมดไม่ไหว หากไม่อยากถูกกดขี่ ก็มีแต่ต้องเปลี่ยนตนเองให้เข้มแข็ง ยิ่งกว่านั้น เขาฆ่าแมงป่องพิษไปแล้ว พวกโจรก็สูญเสียความฮึกเหิมจนหมดสิ้น

        สาเหตุที่กลุ่มโจรบนเทือกเขาเหนือเมฆาอาละวาดอย่างอุกอาจขนาดนี้ก็เพราะได้รับความคุ้มครองจากแมงป่องพิษ เมื่อไม่มีแมงป่องพิษ พวกโจรที่เหลือก็ไม่กล้าก่อคลื่นลมใดๆ

        ครั้งนี้อาศัยแผนการของตระกูลฉิน อวิ๋นโม่จึงสบโอกาสฆ่าอวิ๋นเลี่ย แต่ในใจไม่รู้สึกต่างจากเดิมเท่าใด เพราะสำหรับเขาแล้ว อวิ๋นเลี่ยก็เป็นเหมือนแมลงวันน่ารำคาญตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่มีใครรู้สึกดีใจเพราะฆ่าแมลงวันได้

        อวิ๋นหลานเหอและอวิ๋นต้ามั่วร่วมมือกันสังหารพวกโจรไปไม่น้อย แต่ว่าโจรภูเขาส่วนใหญ่ก็ยังหนีไปได้

        “ผู้มีพระคุณ ฟ้ามืดมากแล้ว มิสู้พักผ่อนในที่พักเสียก่อน” ตอนนี้มืดมากแล้ว อวิ๋นหลานเหอเชิญอวิ๋นโม่พักผ่อนในกระโจมของตระกูลอวิ๋น

        “ก็ดีเหมือนกัน” อวิ๋นโม่ตอบรับคำเชิญ ถึงเขาจะมีความสามารถ แต่เคลื่อนไหวบนเทือกเขาเหนือเมฆาในยามค่ำคืนก็ไม่ใช่เรื่องดี ตระกูลอวิ๋นมีกระโจมพักแรม กลางคืนมีคนเฝ้ายาม อวิ๋นโม่รั้งอยู่ที่นี่ก็ลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

        ตกดึกมีการก่อไฟรอบกระโจม กลุ่มล่าสัตว์ตระกูลอวิ๋นเคลื่อนไหวบนเทือกเขาเหนือเมฆาบ่อยครั้ง คนที่มีฝีมือในการย่างเนื้อมีอยู่ไม่น้อย อวิ๋นโม่นับว่าได้เสพสุขกับอาหารรสเลิศแล้ว

        “ไม่ทราบว่าเหตุใดผู้มีพระคุณจึงยื่นมือช่วยเหลือตระกูลอวิ๋นเรา” อวิ๋นหลานเหอถามอย่างอดใจไม่ไหว

        คนอื่นๆ พากันมองมา พวกเขาต่างสงสัยว่าทำไมชายผู้นี้จึงให้ความช่วยเหลือตระกูลอวิ๋น ดูเหมือนว่าหวังลั่วเหิงและหวังจิงอวิ๋นที่มารังควานตระกูลอวิ๋นก่อนหน้านี้ก็ถูกเขาสังหารเช่นกัน ดังนั้นทุกคนจึงอยากรู้ความจริง

        อวิ๋นโม่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อธิบายอะไรให้พวกเขาฟัง เมื่อเจอคำถามของอวิ๋นหลานเหอ จึงเอาแต่ส่ายศีรษะโดยไม่พูดอะไร

        “เป็นข้าที่ล่วงเกินแล้ว” อวิ๋นหลานเหอประคองหมัดขออภัย

        “ไม่มีอะไร แค่เรื่องนี้ข้าไม่สะดวกเปิดเผย พวกเจ้ารู้แค่ว่าคนที่ปกป้องตระกูลอวิ๋นไม่คิดทำร้ายตระกูลอวิ๋นก็พอ”

        ว่าแล้วอวิ๋นโม่ก็เดินแยกไปด้านหนึ่ง ปิดตาพักผ่อน

        ตอนเช้าเมื่อฟ้าสว่าง คนตระกูลอวิ๋นก็ตื่นขึ้นมา พวกเขาชมดูอวิ๋นโม่ที่กำลังฝึกวิชาหมัดพิสดาร​รับแสงแรกของยามเช้าด้วยความประหลาดใจ

        “ผู้มีพระคุณอายุยังน้อย แต่ความสามารถกลับเหนือกว่าพวกเราทั้งหลาย การฝึกฝนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเป็นคุณชายของบ้านใด น่าเสียดาย ตระกูลอวิ๋นของพวกเราไม่มีผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้” อวิ๋นหลานเหอถอนหายใจ 

        “ใช่แล้ว!” อวิ๋นต้ามั่วเองก็เหม่อลอยเล็กน้อย “หากตระกูลอวิ๋นเรามีรุ่นเยาว์เช่นนี้ ต่อให้ไม่มีคนคอยปกป้อง ภายหน้าจะต้องกลายเป็นผู้นำของกองกำลังใดกองกำลังหนึ่งแน่!”

        “ตื่นกันแล้ว?” อวิ๋นโม่หยุดฝึกวิชาหมัดก่อนยิ้มถาม

        “ผู้มีพระคุณทำให้พวกเรารู้สึกละอายใจ หากพวกเราขยันได้เท่าผู้มีพระคุณ เกรงว่าคงบรรลุถึงระดับก่อจิตไปแล้ว” อวิ๋นหลานเหอเอ่ยยกย่องอย่างนอบน้อม

        อวิ๋นโม่หัวเราะโดยไม่กล่าวอะไร บางครั้งการเลื่อนระดับก็ไม่ได้อาศัยการฝึกฝนอันหนักหน่วงเพียงอย่างเดียว แต่แน่นอนว่าการฝึกฝนอย่างหนักคือสิ่งสำคัญ

        “อันตรายผ่านไปแล้ว ข้าเองก็สมควรจากไป มีโอกาสค่อยพบกันใหม่” อวิ๋นโม่เอ่ยลา

        “น้อมส่งผู้มีพระคุณ หวังว่าหากผู้มีพระคุณมีเวลา จะให้เกียรติมาเป็นแขกที่ตระกูลอวิ๋นบ้าง” อวิ๋นหลานเหอประคองหมัดพร้อมโค้งตัวคำนับ

        “น้อมส่งผู้มีพระคุณ” ทุกคนต่างแสดงความเคารพ

        “อยากให้ข้าไปเป็นแขกที่ตระกูลอวิ๋น” อวิ๋นโม่ลูบจมูก รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง เขาก็อาศัยในตระกูลอวิ๋นอยู่แล้วนี่ ขณะโบกมือคิดจะกล่าวลา ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบเห็นแสงสว่างสองสายร่อนลงมาจากท้องฟ้าเหมือนดาวตก

        ตูม!  

        เสียงกึกก้องดังสะท้อนไปทั่วหุบเขาเหนือเมฆา แม้แต่พื้นดินยังสั่นสะเทือน

        “เกิดอะไรขึ้น” สายตาของทุกคนจับจ้องลำแสงสองสายด้วยความหวาดกลัว

        ฟิ้วๆๆ! 

        ลำแสงนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินพร้อมกับพลังมหาศาลจนท้องฟ้าแทบปริออก

        ปราณธรรมชาติบนเทือกเขาเหนือเมฆาสั่นสะเทือน กระตุ้นให้พลังไร้ขอบเขตปะทุออกมา สัตว์อสูรต่างแตกตื่นหลบหนีเข้าป่าลึก

        “สวรรค์ ผู้ใดกำลังต่อสู้กัน ใต้หล้านี้มีผู้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ด้วยหรือ” หลายคนหน้าซีดขาว พลังที่น่ากลัวขนาดนี้ พวกเขาต่างก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ลำแสงเหล่านั้นต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับก่อจิตก็สังหารได้ในคราเดียว

        อวิ๋นโม่เองก็มีสีหน้าเคร่งขรึม อย่างน้อยๆ คงจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับคงเขตแดน คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีผู้แข็งแกร่งปรากฏตัวกะทันหัน นี่เป็นสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เขาในตอนนี้หากเจอผู้แข็งแกร่งระดับนั้น จะต้องอันตรายมากแน่

        “รีบไป หนีออกจากหุบเขาเหนือเมฆา การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับนี้ แค่เศษเสี้ยวพลังก็สังหารพวกเจ้าได้ทั้งหมดแล้ว” อวิ๋นโม่ตะโกนก้อง ขณะเดียวกันตนเองก็เตรียมถอนตัวออกจากเทือกเขาเหนือเมฆาเช่นกัน

        ทันใดนั้นแผ่นดินก็สั่นสะเทือน แรดยักษ์โผล่ออกมาจากป่า แรดตัวใหญ่กระโดดลอยข้ามหัวพวกเขาไป เสียงกู่ร้องดังกังวานตามมา พวกเขาดูจนตาลาย จากนั้นแรดยักษ์ก็ล้มลงบนพื้น

        “นี่… นี่คือจระเข้สามหาง!”

        “มันอยู่ระดับสามแล้ว!”

        ทุกคนต่างหน้าถอดสี สิ่งที่ฆ่าแรดยักษ์ก็คือ จระเข้สามหางระดับสาม!

        สัตว์อสูรระดับสามมีความน่ากลัวเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งระดับท่องพันลี้! 

        จระเข้สามหางตัวนี้หนังท้องปริแตก เลือดสดไหลทะลักไม่หยุด สองตาของมันแดงฉาน พุ่งกัดแรดยักษ์จนตายแล้วก็หันมาจ้องพวกอวิ๋นโม่! 

        “ซวยแล้ว จระเข้สามหางตัวนี้ได้รับบาดเจ็บจนคลุ้มคลั่งไปแล้ว!” อวิ๋นต้ามั่วหน้าซีดเผือด สัตว์อสูรระดับสามที่กำลังคุ้มคลั่ง ย่อมน่ากลัวกว่าสัตว์อสูรระดับสามทั่วไปมากนัก 

        “โฮก!” จระเข้สามหางส่งเสียงคำราม จากนั้นพุ่งเข้าใส่อวิ๋นต้ามั่ว กรงเล็บทรงพลังสะเทือนขวัญผู้คนตะปบลงมา! 

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท