หลังจากเดินออกมาจากเมืองได้ราวๆสองชั่วโมง ผมก็เดินทางมาถึงแนวชายป่าแห่งหนึ่ง ชาวบ้านหรือนักผจญภัยมักจะเรียกป่าแห่งนี้ว่าป่าเห็ดโทเดน เนื่องจากป่าแห่งนี้มีเห็ดโทเดนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก และ นอกจากนี้ที่นี่ก็มีหมูป่าโทเดนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้นี้ป่าแห่งนี้กลายเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของชาวบ้านในแถบนี้อีกด้วย
เลเวลของหมูป่าโทเดนจะอยู่ที่ประมาณ 5-20 จึงถือว่าเป็นสัตว์อสูรที่ล่าได้ง่าย แถมเนื้อที่มันดรอปยังมีรสชาติดีอีกด้วย
ในป่าแห่งนี้สัตว์อันตรายที่สุดก็คือหมาป่าโทเดน ซึ่งจะมีจำนวนอยู่ไม่มากนักภายในป่า โดยปกติพวกหมาป่าจะมีเลเวลอยู่ที่ 8-25
ดังนั้นจึงถือว่าเป็นป่าโทเดนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ในการเก็บเลเวลเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวผมในขณะนี้มีเลเวลอยู่ที่ 5 จึงเดินทางมาที่ป่าแห่งนี้เป็นที่แรก
ผมตัดสินใจนั่งพักลงที่ตรงโคนต้นไม้ต้นหนึ่งหลังจากที่เดินต่อเนื่องมาตลอดสองชั่วโมง
“สเตตัส”
ทันทีที่สิ้นเสียงก็มีหน้าจออันหนึ่งลอยอยู่ที่ตรงหน้าผม ภายในหน้าจอแสดงข้อมูลค่าสถานะและสกิลในปัจจุบันของตัวผมอยู่
ชื่อ : โคซากิ โทระ
อายุ : 18 ปี
วันเกิด : 04/04 (วันที่ 4 ฤดูหนาว)
สถานะ : ติดโทษแห่งความตาย (คงเหลือ 299 วัน), โสด
อาชีพ : นักดาบโล่ [เปลี่ยน]
เลเวล : 5 (นักธนู Lv.1, พ่อครัว Lv.1, ผู้รักษา Lv.1, นักดาบโล่ Lv.2)
มานา : 7/7
ปาร์ตี้ : ไม่มี
กิลด์ : ไม่มี
ค่าสถานะ
พลังกาย : 11 + 5
การตอบสนอง : 5 + 5
พลังเวท : 8 + 0
สายตา : 9 + 0
สัมผัสกลิ่น : 7 + 0
สัมผัสเสียง : 6 + 0
สัมผัสรส : 6 + 0
ชำนาญมือ : 10 + 0
ชำนาญขา : 8 + 0
แต้มพิเศษ : 0 (10)
สกิล
นักธนู
ชำนาญธนู Lv.1
พ่อครัว
ชำนาญเครื่องครัว Lv.1
ผู้รักษา
รักษาบาดแผล Lv.1
นักดาบโล่
ชำนาญดาบมือเดียว Lv.1
ชำนาญโล่ Lv.1
“โทษแห่งความตาย…ที่ทำให้ได้รับค่าประสบการณ์ลดลง 50%…นี่ตายครั้งเดียวติดโทษไป 300 วันเลยงั้นเหรอ? ถ้าตายอีกรอบในช่วงที่ติดโทษเวลาจะทบขึ้นอีก 2 เท่า ไม่ไหวๆ ช่วงนี้คงต้องเน้นความปลอดภัยไว้ก่อน”
บทลงโทษก็ช่างโหดร้ายนัก แถมโลกนี้ 1 วันยังมี 72 ชั่วโมง ถ้านับตามเวลาในโลกเดิมนี่เท่ากับเขาติดโทษแห่งความตายไปเกือบ 3 ปีเลยทีเดียว
“ไอเทมบ็อก” ผมเรียกหน้าต่างเก็บของขึ้นมาก่อนที่จะหยิบแผนที่ออกมากางดู
ถึงโลกแห่งนี้จะเป็นเหมือนเกม แต่ระบบที่ช่วยในการอำนวยความสะดวกของโลกนี้กลับมีไม่มากนัก นอกจากหน้าต่างสถานะตัวละครแล้ว ก็มีเพียงหน้าต่างเก็บของ หน้าต่างจัดการปาร์ตี้ หน้าต่างจัดการกิลด์ หน้าต่างจัดการอาชีพ รวมเป็น 5 ระบบเพียงเท่านั้น
และนอกจากนี้ผู้คนของโลกนี้ก็มีระบบช่วยเหลือนี้ติดตัวกันมาตั้งแต่เกิดกันทุกคนอีกด้วย…เห็นอากิบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆว่า “ทำไมไม่เห็นเหมือนในนิยายที่เคยอ่านเลย ไม่เห็นมีสกิลโกง ไม่เห็นมีพลังพิเศษอะไรให้เลยสักอย่าง พระเจ้าของโลกนี้ใจร้ายเกินไปแล้ว!!”
แล้วถึงจะไม่ค่อยน่าเชื่อ แต่ผู้คนของโลกนี้ล้วนเป็นอมตะ พวกเขาทุกคนสามารถเกิดใหม่ได้หลังจากที่ตาย ไม่ว่าจะตายด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ทุกคนจะโดนรีเซ็ตเลเวลกลับมาที่ 0 และติดโทษแห่งความตายทุกครั้งที่ตายเสมอ
ดังนั้นวิถีชีวิตของคนในโลกนี้ค่อนข้างจะแตกต่างจากโลกเดิมที่ผมเคยรู้จักเป็นอย่างมาก
รูปร่างหน้าตาของทุกคนที่โลกแห่งนี้จะถูกหยุดไว้หลังจากที่อายุครบ 25 ปี แต่เห็นว่าหากต้องการมีรูปร่างที่ดูมีอายุมากขึ้น ก็สามารถปรับรูปร่างไปตามอายุที่ต้องการได้ที่หน้าต่างสถานะในภายหลังได้ แต่ถึงจะปรับอายุได้ แต่ก็ไม่สามารถปรับรูปร่างหน้าตาได้ ดังนั้นคนที่หน้าตาธรรมดาๆออกไปทางแย่อย่างผมจึงไม่ค่อยหวังกับระบบนี้สักเท่าไหร่
แล้วอีกอย่าง 1 ปีในโลกนี้ ก็ไม่เท่ากับ 1 ปีในโลกเดิม 1 ปีในโลกนี้จะนับจากการเปลี่ยนฤดูกาล ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว วนจบครบ 1 รอบนั่นเท่ากับ 1 ปี ถ้านับเป็นวันก็ยาวนานกว่า 668 วันของโลกนี้เลยทีเดียว
“หืม…ถ้าเดินไปตามทางเลาะชายป่าไปอีกประมาณ 4 ชั่วโมงก็จะเจอหมู่บ้านโทเดนสินะ เห็นว่ามีเสาบันทึกจุดเกิดด้วย งั้นไปตั้งหลักที่หมู่บ้านนี้ก่อน เก็บเวลจนกว่าจะถึงเวล 40 แล้วค่อยเดินทางต่อ”
หลังจากตัดสินใจเลือกเส้นทาง ก็มองดูแผนที่อีกรอบก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ก่อนจะเริ่มออกเดินทางต่อ
“แค่พื้นที่ระดับ 1 ก็กินพื้นที่รอบเขตเมืองหลวงไปหลายพันกิโลเมตรแล้ว ถึงไอคุณพระเจ้าจะบอกให้ออกเดินทางไปรอบๆโลกดูก็เถอะ แต่โลกนี้มันไม่ใหญ่เกินไปหน่อยรึไง”
ใช่แล้ว โลกแห่งนี้มีเทพพระเจ้าอยู่จริงๆ เทพพระเจ้าตัวจริงเสียงจริง!!
ในโลกนี้หลังจากที่ตายร่ายกายจะกลายเป็นร่างวิญญาณ และหากต้องการจะเกิดใหม่ ร่างวิญญาณจะต้องเดินทางมาที่เสาบันทึกจุดเกิดเพื่อฟื้นคืนชีพ และโดยปกติแล้วเสาบันทึกจุดเกิดจะตั้งอยู่ใกล้ๆกับโบสถ์ของเทพผู้สร้าง ซึ่งเป็นศาสนาเพียงศาสนาเดียวในโลกแห่งนี้ และในโบสถ์นี่เองที่ดวงวิญญาณมีสิทธิ์ขอเข้าพบกับเทพพระเจ้าได้ แต่จะได้เข้าพบหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าอีกทีนึงอะนะ
แต่หลังจากที่ผมประลองกับอากิและจบลงด้วยความพ่ายแพ้แล้วก็ได้ตายลงเป็นครั้งแรกหลังจากที่มาถึงโลกแห่งนี้ ก็เลยขอลองเข้าพบดู และผลก็คือพระเจ้ายอมให้เข้าพบ
แต่พอได้เข้าไปเจอจริงๆ ยังไม่ทันจะได้เห็นหน้า ไอคุณเทพพระเจ้านั้นก็เอาแต่หัวเราะแล้วพูดว่า…”อย่างนี้นี่เองๆ” ออกมาหลายๆครั้ง ก่อนที่จะบอกกับผมว่า “เจ้าไม่ต้องพูดอะไร ออกไปท่องโลกกว้างที่ข้าสร้างใบนี้ดูสักรอบก่อน ไปสำรวจให้ทั่วๆ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ค่อยกลับมาหาข้าอีกทีแล้วกัน” แล้วไอคุณพระเจ้าก็โยนผมออกมาทันทีที่พูดจบ โดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ
ย้อนกลับมาพูดถึงเรื่องพื้นที่ต่างๆในโลกนี้กัน โดยในโลกนี้พื้นที่จะถูกแบ่งออกเป็นหลายๆระดับ โดยแต่ละระดับจะถูกแบ่งจากเสาควบคุมพื้นที่ โดยพื้นที่ที่สำรวจได้ไกลที่สุดในปัจจุบันก็คือพื้นที่ระดับ 4 ซึ่งเป็นสถานที่เก็บเลเวลระดับ 8000 ขึ้นไป แล้วนอกจากนี้โลกใบนี้ก็ยังมีพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการสำรวจอีกมากมาย ดังนั้นจึงยังไม่มีใครทราบว่าพื้นที่ระดับสูงสุดจะอยู่ที่เท่าไหร่
ตามประวัติศาสตร์ที่ได้เรียนมาในโรงเรียนนักผจญภัย ทำให้ผมรู้มาว่าในอดีตโลกนี้เคยถูกปกครองโดยเทพมาร มันคือโลกแห่งฝันร้ายที่มนุษย์ถูกเหล่าปีศาจกดขี่ข่มเหงมาหลายพันปี จนในที่สุดก็มีผู้กล้าคนหนึ่งลุกขึ้นต่อต้านจนสามารถโค่นล้มเทพมารลงได้เมื่อประมาณเกือบ 2พันปีก่อน ก่อนที่ผู้กล้าคนนั้นจะสถาปนาตัวเองกลายเป็นเทพพระเจ้าองค์ใหม่จนมาถึงปัจจุบัน
กล่าวกันว่าหลังสงครามครั้งสุดท้าย จำนวนมนุษย์ที่เหลือรอดนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย เล่ากันว่ามีมนุษย์เหลือรอดมาได้เพียงไม่กี่พันคนเท่านั้น และหลังจากที่เทพพระเจ้าองค์ใหม่ทำการจัดสรรค์โลกใหม่ขึ้นมา เทพเจ้าก็ได้มอบความเป็นอมตะและระบบต่างๆให้กับเหล่ามนุษย์
ผู้นำของมนุษย์ที่เหลือรอดก็ได้ทำการก่อตั้งเมืองหลวงของมนุษยชาติขึ้นมา พระเจ้าไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายการปกครองของมนุษย์โดยตรง แต่พระเจ้าได้ทำการออกกฏแห่งวิญญาณขึ้นมาเพื่อใช้ในการควบคุมเหล่ามนุษย์ให้อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง
ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถหลบหนีกฏแห่งวิญญาณได้ แต่กฏแห่งวิญญาณก็ไม่ได้ครอบคลุมระบบระเบียบทั้งหมดของโลกใบนี้ กฏแห่งวิญญาณนั้นส่วนใหญ่แล้วจะครอบคลุมในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องของจริยธรรมอันดีเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกฏแห่งพันธสัญญา กฏแห่งการล่วงละเมิด กฏแห่งทัณฑ์ทรมาน และอีกหลายๆกฏที่เน้นไปที่จิตใจและวิญญาณของผู้คน
ดังนั้นพอเป็นแบบนี้ทางราชสำนักจึงได้มีการออกกฏแห่งการปกครองออกมาอีกฉบับเพื่อใช้ในการบริหารประเทศ และควบคุมในส่วนที่กฏแห่งวิญญาณไม่ได้กล่าวถึงอีกที ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมโลกนี้ที่ทุกคนเป็นอมตะแล้ว แต่ก็ยังจะต้องมีราชวงศ์และคณะขุนนางในการปกครอง
พันกว่าปีก็ผ่านพ้นไป สังคมมนุษย์เจริญเติบโตขึ้นมาจากยุคหินอย่างต่อเนื่องจนก็กลายมาเป็นสภาพแบบในปัจจุบัน
โดยถ้ามองตามมุมมองของผม สภาพสังคมของโลกนี้ก็น่าจะอยู่ในช่วงราวๆยุคกลางของโลกเดิม แต่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าพลังเวทย์และเวทย์มนต์ ดังนั้นหลายๆอย่างจึงถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในแนวทางที่แตกต่างจากโลกเดิมที่ผมเคยอยู่ ยกตัวอย่างก็เช่นเครื่องสื่อสารเวท ที่มันทำงานได้แทบจะเหมือนกับโทรศัพท์มือถือที่ผมรู้จักในโลกก่อนได้เลยด้วยซ้ำ
ติ๊ง!
พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงข้อความเด้งเข้ามาในเครื่องสื่อสารเวทของผมที่ติดอยู่ตรงเข็มขัด ผมจึงหยิบขึ้นมาดู
「ยูกิ」: เป็นไงบ้างเจ้าแมวน้อย ยังสบายดีอยู่ไหม เริ่มรู้สึกเหงาขึ้นมาบ้างหรือยัง?
「โทระ」: ใครคือเจ้าแมวน้อยกันห๊ะ??
「ยูกิ」: เห~ นี่แกล้งทำเป็นไม่รู้ใช่ไหม? ไม่รู้ตัวจริงๆหรอเจ้าแมวน้อย~~?
「โทระ」: เอาเถอะ จะเรียกยังไงก็ตามใจเลย หิมะน้อย
「โทระ」: ว่าแต่มีอะไรรึเปล่า ทักมาแบบนี้
「ยูกิ」: หืม เดี๋ยวนี้เจ้าแมวน้อยกล้าต่อปากต่อคำซะแล้ว
「ยูกิ」: ใช่สิ หิมะน้อยคนนี้คงหมดประโยชน์แล้วใช่ไหมล่ะ?
「ยูกิ」: แบบนี้หรือเปล่านะที่คนอื่นเค้าเรียกว่าหลอกใช้แล้วทิ้งน่ะ?
「โทระ」: …
「โทระ」: ขออภัยเป็นอย่างสูงครับท่านยูกิ
「โทระ」: ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านยูกิมีอะไรให้เจ้าแมวน้อยคนนี้รับใช้เชิญกล่าวมาได้เลยครับ
「ยูกิ」: ล้อเล่นน่าๆ เจ้าแมวน้อย หิมะน้อยคนนี้ไม่ใช่พวกเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนั้นสักหน่อย
「โทระ」: …
「ยูกิ」: เอาล่ะๆ พอดีมีคนฝากถามว่าตอนนี้เจ้าแมวน้อยเป็นยังไงบ้าง แล้วตอนนี้เดินทางถึงไหนแล้ว?
「โทระ」: ฮานะฝากถามมางั้นหรอ?
「ยูกิ」: ดูเหมือนว่าจะมีแมวน้อยที่ยังตัดใจไม่ได้แฮะ เจ้าแมวน้อยตัวนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ
「โทระ」: ใครยังตัดใจไม่ได้กัน?
「ยูกิ」: ถ้างั้นทำไมถึงคิดว่าฮานะจังเป็นคนฝากถามล่ะ?
「โทระ」: …
「ยูกิ」: เอาน่าๆ อย่าพึ่งร้องไห้
「ยูกิ」: ถ้าฮานะจังอนุญาติ หิมะน้อยคนนี้จะส่งรูปฮานะจังตอนอาบน้ำไปปลอบใจให้นะ
นี่ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นตรงไหนฟะ ถึงจะรู้ว่ายูกิพยายามมาปลอบใจในแบบของเธอก็เถอะนะ แต่เนื่องจากพึ่งจะอกหักมา ผมเลยเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
「โทระ」: ตอนนี้กำลังเดินทางไปที่หมู่บ้านโทเดนน่ะ
「โทระ」: แถบนี้พวกเรายังไม่เคยมา ก็เลยลองมาที่นี่ดู
「ยูกิ」: หมู่บ้านโทเดนงั้นเหรอ?
「ยูกิ」: ได้ยินมาว่ามีเห็ดโทเดนเป็นสินค้าขึ้นชื่อใช่ไหม? อยากลองกินจังเลยน้า~
「โทระ」: เดี๋ยวจะส่งผ่านไปรษณีย์ไปให้ถึงหน้าบ้านเลยครับท่านยูกิ
「ยูกิ」: เกรงใจเจ้าแมวน้อยจังเลย
「ยูกิ」: แต่ถ้าส่งมาน้อยไป ก็ไม่รู้ว่าจะแบ่งไปให้ฮานะจังพอไหมซะด้วยสิ
「โทระ」: …
「โทระ」: รับทราบขอรับองค์หญิงยูกิ เจ้าแมวน้อยคนนี้จะส่งไปให้เยอะๆเลยขอรับ
「ยูกิ」: โอเค องค์หญิงคนนี้จะตั้งตารอของฝากนะจ๊ะ เจ้าแมวน้อย
เฮ้อ…
ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอาเครื่องสือสารเวทมาเหน็บไว้ที่เข็มขัดใน และออกเดินไปตามถนนเรียบชายป่าโทเดนอีกครั้ง
เนื่องจากเคยให้ยูกิช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านความรักมาก่อน ดังนั้นพวกเราจึงค่อนข้างที่จะสนิทกัน ถึงจะไม่สมหวัง แต่สุดท้ายก็ต้องขอบคุณเธอที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด
…ส่งไปให้สัก 2 ถุงใหญ่ๆก็แล้วกัน น่าจะพอให้พวกนั้นกินกันไปหลายวันอยู่นะ…
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ตัดกลับมาที่อีกด้านของเครื่องสื่อสารเวท
“กำลังทำอะไรอยู่น่ะยูกิจัง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวแบบนั้น ดูอารมณ์ดีจังเลยนะทั้งๆที่โทระคุงพึ่งจะแยกกลุ่มออกไปแท้ๆ”
เสียงใสๆของฮานะดังขัดขึ้นมาในขณะที่ฉันกำลังคุยแชทกับเจ้าแมวน้อยโทระอยู่
“เอ๋~ ไม่มีอะไรสักหน่อยฮานะจัง แค่กำลังคุยกับเจ้าแมวน้อยอยู่เอง”
“เจ้าแมวน้อย?” ฮานะเอียงคอพลางทำหน้าไม่ค่อยเข้าใจ
“ไม่มีอะไรๆ ว่าแต่ว่านะฮานะจัง เธอไม่ได้ชอบโทระคุงจริงๆใช่ไหม?”
“เอ๋ ทำไมถึงวกกลับมาเรื่องนี้ได้ล่ะ!?” แก้มของฮานะแดงขึ้นเล็กน้อยเมื่อฉันถามเธอแบบนั้น
“ก็ฉันแค่สงสัยน่ะ ถึงหมอนั้นจะหน้าตาบ้านๆไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นคนจริงจังแล้วก็ทุ่มเทให้ฮานะจังยิ่งกว่าใครๆเลยนะ ฉันก็เลยอดรู้สึกสงสัยไม่ได้น่ะ”
ได้ยินแบบนั้นฮานะก็เงียบไปพักนึงก่อนที่จะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างของห้อง
“อืม ฉันเองก็ไม่ได้ไม่ชอบโทระคุงหรอกนะ…”
“เอ๋~!? งั้นเธอก็ชอบหมอนั้นสิ!? แล้วทำไมถึงปฏิเสธคำสารภาพรักของหมอนั้นล่ะ?”
ฉันแอบตกใจในคำตอบของฮานะจัง
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แค่ความรู้สึกของฉันที่มีต่อโทระคุงมันไม่ใช่ในแบบของคนรักน่ะ…จะว่ายังไงดีล่ะ คงเป็นเหมือนกับ…อยากเป็นเพื่อนกันมากกว่า…อะไรประมาณนี้ล่ะมั้ง”
“งั้นเหรอๆ แบบนี้เองสินะ ฉันว่าฉันเข้าใจความรู้สึกของฮานะจังแล้วล่ะ…แต่จะว่าไปโทระคุงนี่ก็น่าสงสารจริงๆเลยน้า ทั้งที่ทุ่มเทไปขนาดนั้นแท้ๆ คงเจ็บปวดน่าดูเลย…ว่าแต่ถ้าหมอนั้นโดนผู้หญิงคนอื่นเข้าหามาในจังหวะที่กำลังอกหักแบบตอนนี้พอดีอาจจะอ่อนไหวจนโดนแย่งไปก็ได้นะ ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะทำยังไงล่ะ”
“ทำไมฟังดูฉันเป็นคนไม่ดีไปซะอย่างนั้นล่ะ…แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องของโทระคุงสักหน่อย…แต่ว่านะ ถ้าผู้หญิงคนนั้นสามารถทำให้โทระคุงมีความสุขได้ ฉันก็คงรู้สึกดีใจกับโทระคุงด้วยล่ะนะ”
ฉันเผลอยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของฮานะ
“งั้นเหรอๆ อย่างนี้นี่เอง”
“ยูกิยิ้มได้น่าขยะแขยงมากเลยรู้ตัวไหม…ดูออกง่ายเกินไปแล้วนะ ช่วยเก็บอาการหน่อยเถอะ”
เสียงของเอริดังขัดขึ้นมา พร้อมมองมาที่ฉันอย่างเอือมระอา ในขณะที่ฮานะดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เอริพูดสักเท่าไหร่
“ดูอะไรออกงั้นเหรอเอริจัง” ฮานะหันไปถามเอริอย่างสงสัย
“…”
เอริหันไปมองฮานะจังด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจ
“นอกจากตาทึ่มนั่นแล้ว ยังมียัยทึ่มอีกคนงั้นเหรอเนี่ย…”
เฮ้อ… เอริถอนหายใจ ก่อนที่จะเลิกสนใจพวกเรา หันกลับไปอ่านหนังสือของเธอต่อตามเดิม
“นี่เอริคุง อย่ามาว่านางฟ้าของฉันว่าเป็นยัยทึ่มนะ ฮานะจังก็แค่เป็นคนดีแล้วก็ใสซื่อโลกสวยไปหน่อยแค่นั้นเอง”
“เอ๋~? นั่นคำชมจริงๆใช่ไหมยูกิจัง!? ชมจริงๆใช่ไหม!?”
“ก็จริงน่ะสิฮานะจัง!!”
“จ้าๆ พวกเธออยากจะทำอะไรก็ตามสบายเลย ฉันขออ่านหนังสือเงียบๆต่อดีกว่า”
ในขณะที่พวกเราสามคนกำลังคุยวุ่นวายกันอยู่ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างกระทันหัน ก่อนที่อากิจะเดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เอาล่ะทุกคน วันนี้มีเควสด่วนเข้ามาจากหมู่บ้านโรดัน เนื้อหาภารกิจคือให้ช่วยกำจัดฝูงของราชาหมีแดงเลเวลประมาณ 600 ที่กำลังอาละวาดอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆหมู่บ้าน…หืม…เป็นอะไรไป ทำไมมองหน้าฉันแบบนั้น”
“นี่อากิ รู้ใช่ไหมว่านี่ห้องของเด็กผู้หญิง?”
ฉันหันกลับไปถามอากิที่กำลังทำหน้าเหรอหรา
“หืม? รู้สิ..ก็นี่ห้องของพวกเธอนี่”
“แล้วทำไมไม่รู้จักหัดเคาะประตูก่อนเข้ามายะ ถ้าฮานะจังกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่จะทำยังไง หา!!”
“เดี๋ยวก่อนสิ ยูกิจัง ทำไมต้องใช้ฉันยกเป็นตัวอย่างด้วยล่ะ!?”
ฮานะจังประท้วงพร้อมกับหน้าของเธอกลายเป็นสีแดง
“ก็ห้องมันไม่ได้ล็อคนี่…”
อากิพยายามประท้วง
“นั้นมันใช่เหตุผลที่จะมาอ้างตอนเข้ามาในห้องของหญิงสาวไหมห๊ะ!? รีบออกไปเลยนะ!!”
ฉันทำการผลักอากิออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะปิดประตูอย่างแรงใส่
เฮ้อ… เอริที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมห้องถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“ปาร์ตี้ที่ไม่มีหมอนั้นคอยจัดการนี่จะไปกันรอดจริงๆใช่ไหมเนี่ย…”
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
เวลาผ่านไปอีกประมาณ 4 ชั่วโมง ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงทางเข้าหมู่บ้านโทเดน
หมู่บ้านโทเดนเป็นหมู่บ้านขนาดกลางที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองหลวง มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 400 ครัวเรือน และเนื่องจากอยู่ใกล้กับเมืองหลวงทำให้หมู่บ้านนี้มีสภาพที่ดูดี และยังมีคนสัญจรผ่านไปมาค่อนข้างเยอะ
กำแพงหมู่บ้านสร้างจากหินสูงประมาณ 5 เมตร มีทหารยามเดินลาดตระเวนอยู่ที่ด้านบน จนผมนึกในใจว่านี่น่าจะเรียกว่าเมืองมากกว่าที่จะเรียกว่าหมู่บ้าน แต่เนื่องจากจำนวนประชากรไม่มากพอที่จะกลายมาเป็นเมือง จึงทำให้หมู่บ้านโทเดนยังคงถูกเรียกว่าหมู่บ้าน ทั้งๆที่มีสภาพความเป็นอยู่แบบชาวเมืองทุกอย่าง
ผมเดินผ่านประตูหมู่บ้าน(?)เข้าไปโดยจ่ายค่าผ่านประตูไปทั้งหมด 2 เหรียญเงิน
ค่าเงินในโลกแห่งนี้แบ่งออกเป็น 4 ระดับคือ แดง เงิน ทอง และม่วง โดยที่ 100 เหรียญแดงจะเท่ากับ 1 เหรียญเงิน 100 เหรียญเงินเท่ากับ 1 เหรียญทอง และ 1000 เหรียญทองจะเท่ากับ 1 เหรียญม่วง
เนื่องจากเหรียญม่วงมีค่าเงินที่สูงเกินไป ดังนั้นค่าเงินส่วนใหญ่ที่ใช้กันจะอยู่ในระดับเหรียญทองซะส่วนใหญ่
ค่าครองชีพโดยเฉลี่ยของเขตเมืองหลวง หากใช้อย่างประหยัดหน่อยก็จะอยู่ที่วันละประมาณ 5-6 เหรียญเงิน และรายได้โดยเฉลี่ยของประชาชนแถบนี้จะอยู่ที่ราวๆ 20-40 เหรียญเงินต่อวัน แล้วแต่ชนิดของงานที่ทำ
มอนสเตอร์ในโลกนี้นั้นไม่ดรอปเงินออกมา แต่จะดรอปพวกวัตถุดิบต่างๆออกมาให้ ทำให้ระบบเงินของโลกใบนี้ค่อนข้างที่จะสมบูรณ์ไม่ต่างจากโลกเดิมที่เขาเคยอยู่ อาชีพต่างๆล้วนมีความสำคัญในการดำรงอยู่ของสังคมและการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ
ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของเศรษฐศาสตร์สักเท่าไหร่ แต่ถ้าดูจากสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในแถบเมืองหลวงก็ถือว่าประชาชนสามารถกินดีอยู่ดีได้ในระดับเดียวกับประเทศที่เจริญแล้วในโลกเดิมของเขา
ถ้าทำงานก็ไม่มีวันอดตาย นั่นคือคำจำกัดความของสภาพเศรษฐกิจของโลกนี้
“ขั้นแรกก็ต้องหาที่พักก่อน”
โดยปกติแล้วพวกโรงแรมจะตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองหรือประตูหมู่บ้านสักเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงสามารถหาที่พักได้โดยไม่ยากนัก
ผมเลือกโรงแรมที่ชื่อว่าโรงแรมหมูป่าที่ตั้งอยู่ทางประตูทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ถึงชื่อจะดูแปลกๆ และค่าห้องจะสูงกว่าที่อื่นเล็กน้อย แต่ที่โรงแรมนี้ก็รวมอาหารเช้าเข้าไปในราคาค่าห้องเรียบร้อยแล้ว และทางออกประตูทิศตะวันออกก็อยู่ใกล้กับป่าโทเดนมากที่สุดด้วย ดังนั้นผมจึงเลือกพักที่นี่
หลังจากได้ที่พักผมก็เดินทางไปยังสมาคมนักผจญภัยเพื่อรับภารกิจ
ตามที่อากิเคยเล่าให้ฟัง มันถือว่าเป็นเรื่องปกติของการไปต่างโลกที่จะต้องมีสมาคมหรือกิลด์นักผจญภัยเพื่อช่วยให้เหล่าตัวเอกได้มีงานมีการทำ และเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินเรื่องให้เดินหน้าต่อไปได้
แต่ตามที่เล่ามาดูเหมือนว่าสมาคมนักผจญภัยในโลกนี้จะต่างจากในนิยายที่อากิเคยอ่านมาเล็กน้อย สมาคมนักผจญภัยในโลกนี้นั้นจะไม่มีการแบ่งแรงค์ของนักผจญภัย อาจจะเป็นเพราะโลกนี้ทุกคนเป็นอมตะ ดังนั้นการตายจึงไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต การแบ่งแรงค์จึงไม่มีประโยชน์อะไรในเรื่องนี้
สมาคมนักผจญภัยมีหน้าที่เป็นคนกลางคอยประสานระหว่างผู้ว่าจ้าง และผู้รับภารกิจให้ โดยที่นักผจญภัยทุกคนที่ต้องการรับภารกิจจะต้องลงทะเบียนกับทางสมาคมก่อนเท่านั้นจึงจะสามารถรับภารกิจในสมาคมได้ และแต่ละคนจะมีสถิติความสำเร็จในการทำภารกิจคอยอัพเดทอยู่ตลอดเวลา
และในการรับภารกิจ สมาชิกทุกคนสามารถรับภารกิจอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ ถ้าสามารถจบภารกิจตามเงื่อนไขก็จะได้รับค่าตอบแทนและคะแนนภารกิจตามที่ทางสมาคมกำหนดไว้ แต่หากไม่สามารถจบภารกิจได้ก็จะโดนปรับเป็นเงินและลบคะแนนความสำเร็จตามที่กำหนดไว้เช่นเดียวกัน หรือหากเลวร้ายกว่านั้นก็อาจจะต้องเสียชีวิตในการทำภารกิจแล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่เลเวล 0 อีกครั้งเลยก็ได้
ดังนั้นการทำภารกิจต่างๆ ผู้ที่จะรับภารกิจก็ต้องเข้าใจและรู้ในศักยภาพของตัวเองด้วย เพราะยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไหร่ คะแนนความสำเร็จก็จะยิ่งมากเท่านั้น ทำให้อาจจะมีการว่าจ้างโดยตรงจากผู้ว่าจ้าง ซึ่งการว่าจ้างโดยตรงแบบนี้จะให้ผลตอบแทนที่มากกว่าการรับภารกิจแบบปกติหลายเท่า
หลังจากที่ผมเดินเข้ามาในสมาคมนักผจญภัยที่เป็นอาคารหินผสมไม้แห่งหนึ่ง ผมก็เดินไปที่กระดานภารกิจที่ถูกตั้งไว้ตรงกลางอาคาร
“ส่วนมากเป็นภารกิจให้ล่าเนื้อหมูป่าโทเดน กับเก็บเห็ดโทเดนสินะ”
บนกระดานภารกิจ กระดาษภารกิจที่มีจำนวนมากที่สุดก็คือคำขอให้ล่าเนื้อหมูป่าโทเดนซึ่งน่าจะเป็นแหล่งอาหารหลักของหมู่บ้าน รองลงมาก็คือการเก็บเห็ดโทเดนที่ขึ้นอยู่ภายในป่า และมีส่วนน้อยที่ให้ทำการล่าหนังหมาป่าโทเดน
เนื้อหมูป่าโทเดน 100 ชิ้น ได้ค่าตอบแทน 30 เหรียญเงิน เห็ดโทเดน 1 กิโลได้ 5 เหรียญเงิน หนังหมาป่า 10 ผืนได้ 40 เหรียญเงิน ทุกภารกิจกำหนดเวลา 2 วันงั้นเหรอ
ผมตัดสินใจดึงภารกิจล่าเนื้อหมูป่าโทเดน 100 ชิ้นมา 1 ใบ
ถึงจะไม่ได้มีกฏระบุไว้ก็ตาม แต่โดยส่วนมากแล้วนักผจญภัยส่วนใหญ่จะเก็บวัตถุดิบทุกอย่างที่หาได้จากการล่ากลับมาด้วยเสมอ ก่อนที่จะนำมันมาส่งภารกิจทีหลังโดยที่ยังไม่รับคำร้องภารกิจเพื่อป้องกันการผิดพลาด ซึ่งอาจจะส่งผลให้โดนค่าปรับได้
แต่ที่ผมต้องดึงใบภารกิจมาสักใบก็เพราะว่าหากมีใบภารกิจที่ยังไม่หมดอายุของเมืองหรือหมู่บ้านนั้นๆ นักผจญภัยสามารถเดินทางเข้าออกประตูเมืองได้ฟรีนั่นเอง
ผมเดินไปที่เค้าเตอร์บริการที่มีพนักงานหลายคนนั่งอยู่ ก่อนที่จะยื่นใบภารกิจกับการ์ดนักผจญภัยให้กับพนักงานคนหนึ่ง
“มารับภารกิจครับ”
“ขอตรวจสอบสักครู่นะครับ”
พนักงานสมาคมหยิบบัตรนักผจญภัยของผมไปเสียบเข้ากับเครื่องอะไรสักอย่าง ก่อนที่ข้อมูลของผมจะแสดงขึ้นมา
ชื่อ : โคซากิ โทระ
อายุ : 18 ปี
คะแนนความสำเร็จ : 0
ปฏิบัติภารกิจสำเร็จ : 23135 ครั้ง
ปฏิบัติภารกิจล้มเหลว : 0 ครั้ง
หลังจากเห็นข้อมูลที่แสดงขึ้นมา พนักงานกิลด์คนนั้นก็หันมาสอบถาม
“พึ่งเสียชีวิตมางั้นหรือครับ ต้องการให้รีเซตจำนวนครั้งที่ปฏิบัติภารกิจสำเร็จให้ไหมครับ”
“ใช่ครับ แล้วยังไงรบกวนช่วยรีเซ็ตข้อมูลให้ด้วยครับ”
หลังจากที่ผมกับพวกอากิใช้เวลาไป 6 ปีในการเข้าเรียนที่โรงเรียนนักผจญภัย พวกผมก็ตั้งปาร์ตี้กันมาโดยตลอด พวกเราร่วมกันทำภารกิจด้วยกันมาเยอะมาก แต่หลังจากที่ผมตาย คะแนนความสำเร็จก็ถูกรีเซ็ตใหม่โดยอัตโนมัติจนกลับมาเป็น 0 ใหม่อีกครั้ง
ดังนั้นถึงจะมีจำนวนการปฏิบัติภารกิจสำเร็จที่สูงขนาดไหนก็ตาม หากคะแนนความสำเร็จไม่สัมพันธ์กัน ความน่าเชื่อถือที่จะได้รับก็จะลดลงอย่างมาก ดังนั้นให้รีเซ็ตข้อมูลแล้วเริ่มเก็บใหม่ยังไงก็ดีกว่า
“รับทราบครับ”
พนักงานกิลด์หันกลับไปกดปุ่มที่เครื่องแสกนข้อมูลอยู่สักพักก็ยื่นบัตรคืนให้ผม
“ทำการรีเซ็ตข้อมูล กับรับภารกิจล่าเนื้อหมูป่าโทเดนให้เรียบร้อยแล้วครับ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ”
“ขอบคุณมากครับ”
ผมตอบรับก่อนที่จะเดินออกมาจากตัวอาคารแล้วมุ่งหน้าไปยังป่าโทเดนทันที
เนื่องจากในหนึ่งวันมี 72 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นช่วงเช้า 18 ชั่วโมง ช่วงกลางวัน 18 ชั่วโมง ช่วงเย็นอีก 18 ชั่วโมง และช่วงกลางคืนอีก 18 ชั่วโมง ในวันนี้ผมวางแผนที่จะทำการล่าและเก็บเลเวลไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงปลายช่วงเย็นที่มีแสงน้อยจนเกินไป ทำให้มีเวลาเก็บเลเวลทั้งหมดประมาณ 42 ชั่วโมง ซึ่งแทบจะเท่ากับ 2 วันในโลกเดิม
และอาจจะเป็นเพราะความเคยชินทำให้ร่างกายสามารถปรับตัวให้เข้ากับช่วงเวลาของโลกใบนี้ได้แล้ว ดังนั้นการที่ต้องออกผจญภัยติดต่อกัน 40-50 ชั่วโมงในแต่ละวันนั้นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
เดินมาไม่นานก็ได้เดินมาถึงบริเวณชายป่า ที่แห่งนี้มีนักผจญภัยค่อนข้างเยอะ และยังรวมถึงเหล่าพ่อค้าที่นำน้ำยารักษาอาการบาดเจ็บมาวางขาย หรือพ่อครัวที่มาเปิดร้านขายอาหารง่ายๆอยู่ริมชายป่าอยู่เป็นจำนวนมาก
บรรยากาศแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศในเกมออนไลน์ของโลกเก่าที่เคยเล่นสมัยหนุ่มๆ ที่ตามแหล่งเก็บเลเวลสำคัญๆจะมีผู้เล่นคนอื่นๆอยู่เป็นจำนวนมาก
“รับสมัครขาจร ตำแหน่งผู้รักษา กับตัวชน เลเวลเฉพาะสาย 20 ขึ้นไปครับ!!”
“รับสมัครตี้ถาวร ตำแหน่งตัวทำความเสียหายเลเวล 30 ขึ้นไปจ้า!!”
มีเสียงตะโกนรับสมัครนักผจญภัยเข้าปาร์ตี้อยู่มากมาย แต่เนื่องจากเลเวลของผมต่ำเกินไปจึงไม่ตรงเงื่อนไขส่วนใหญ่ที่ต้องการ
“ต้องลุยเดียวไปอีกสักพักแหละนะ ตุนยาเพิ่มเอาไว้หน่อยดีกว่า”
ผมเดินไปที่แผงลอยขายน้ำยาของพ่อค้าคนหนึ่ง ก่อนที่จะทำการซื้อน้ำยารักษาอาการบาดเจ็บมาทั้งหมด 100 ขวด น้ำยารักษาอาการบาดเจ็บแบบธรรมดานี้มีราคาอยู่ที่ขวดละ 20 เหรียญแดง ทำให้ผมจ่ายไปทั้งหมดกว่า 20 เหรียญเงิน
จากการทำงานหนักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ผมพอจะมีเงินเก็บเหลืออยู่ที่ราวๆ 70 เหรียญทอง ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนค่อนข้างมาก ดังนั้นการจ่ายเงินจำนวนแค่นี้ถือว่าไม่หนักหนาอะไร
ผมหยิบโล่และดาบออกมาเตรียมพร้อมก่อนที่จะค่อยๆเดินหายเข้าไปในป่าโทเดนเพียงลำพัง