To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ – ตอนที่ 2 หมู่บ้านโทเดน

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

หลังจากเดินออกมาจากเมืองได้ราวๆสองชั่วโมง ผมก็เดินทางมาถึงแนวชายป่าแห่งหนึ่ง ชาวบ้านหรือนักผจญภัยมักจะเรียกป่าแห่งนี้ว่าป่าเห็ดโทเดน เนื่องจากป่าแห่งนี้มีเห็ดโทเดนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก และ นอกจากนี้ที่นี่ก็มีหมูป่าโทเดนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้นี้ป่าแห่งนี้กลายเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของชาวบ้านในแถบนี้อีกด้วย

 

เลเวลของหมูป่าโทเดนจะอยู่ที่ประมาณ 5-20 จึงถือว่าเป็นสัตว์อสูรที่ล่าได้ง่าย แถมเนื้อที่มันดรอปยังมีรสชาติดีอีกด้วย  

 

ในป่าแห่งนี้สัตว์อันตรายที่สุดก็คือหมาป่าโทเดน ซึ่งจะมีจำนวนอยู่ไม่มากนักภายในป่า โดยปกติพวกหมาป่าจะมีเลเวลอยู่ที่ 8-25  

 

ดังนั้นจึงถือว่าเป็นป่าโทเดนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ในการเก็บเลเวลเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวผมในขณะนี้มีเลเวลอยู่ที่ 5 จึงเดินทางมาที่ป่าแห่งนี้เป็นที่แรก

 

ผมตัดสินใจนั่งพักลงที่ตรงโคนต้นไม้ต้นหนึ่งหลังจากที่เดินต่อเนื่องมาตลอดสองชั่วโมง

 

“สเตตัส”

 

ทันทีที่สิ้นเสียงก็มีหน้าจออันหนึ่งลอยอยู่ที่ตรงหน้าผม ภายในหน้าจอแสดงข้อมูลค่าสถานะและสกิลในปัจจุบันของตัวผมอยู่

 

ชื่อ : โคซากิ โทระ

 

อายุ : 18 ปี

 

วันเกิด : 04/04 (วันที่ 4 ฤดูหนาว)

 

สถานะ : ติดโทษแห่งความตาย (คงเหลือ 299 วัน), โสด

 

อาชีพ : นักดาบโล่ [เปลี่ยน]

 

เลเวล : 5 (นักธนู Lv.1, พ่อครัว Lv.1, ผู้รักษา Lv.1, นักดาบโล่ Lv.2)

 

มานา : 7/7

 

ปาร์ตี้ : ไม่มี

 

กิลด์ :  ไม่มี

 

 

 

ค่าสถานะ

 

พลังกาย : 11 + 5

 

การตอบสนอง : 5 + 5

 

พลังเวท : 8 + 0

 

สายตา : 9 + 0

 

สัมผัสกลิ่น : 7 + 0

 

สัมผัสเสียง : 6 + 0

 

สัมผัสรส : 6 + 0

 

ชำนาญมือ : 10 + 0

 

ชำนาญขา : 8 + 0

 

แต้มพิเศษ : 0 (10)

 

 

 

สกิล

 

นักธนู

 

ชำนาญธนู Lv.1

 

พ่อครัว

 

ชำนาญเครื่องครัว Lv.1

 

ผู้รักษา

 

รักษาบาดแผล Lv.1

 

นักดาบโล่

 

ชำนาญดาบมือเดียว Lv.1

ชำนาญโล่ Lv.1

 

“โทษแห่งความตาย…ที่ทำให้ได้รับค่าประสบการณ์ลดลง 50%…นี่ตายครั้งเดียวติดโทษไป 300 วันเลยงั้นเหรอ? ถ้าตายอีกรอบในช่วงที่ติดโทษเวลาจะทบขึ้นอีก 2 เท่า ไม่ไหวๆ ช่วงนี้คงต้องเน้นความปลอดภัยไว้ก่อน”

 

บทลงโทษก็ช่างโหดร้ายนัก แถมโลกนี้ 1 วันยังมี 72 ชั่วโมง ถ้านับตามเวลาในโลกเดิมนี่เท่ากับเขาติดโทษแห่งความตายไปเกือบ 3 ปีเลยทีเดียว

 

“ไอเทมบ็อก” ผมเรียกหน้าต่างเก็บของขึ้นมาก่อนที่จะหยิบแผนที่ออกมากางดู

 

ถึงโลกแห่งนี้จะเป็นเหมือนเกม แต่ระบบที่ช่วยในการอำนวยความสะดวกของโลกนี้กลับมีไม่มากนัก นอกจากหน้าต่างสถานะตัวละครแล้ว ก็มีเพียงหน้าต่างเก็บของ หน้าต่างจัดการปาร์ตี้ หน้าต่างจัดการกิลด์ หน้าต่างจัดการอาชีพ รวมเป็น 5 ระบบเพียงเท่านั้น

 

และนอกจากนี้ผู้คนของโลกนี้ก็มีระบบช่วยเหลือนี้ติดตัวกันมาตั้งแต่เกิดกันทุกคนอีกด้วย…เห็นอากิบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆว่า “ทำไมไม่เห็นเหมือนในนิยายที่เคยอ่านเลย ไม่เห็นมีสกิลโกง ไม่เห็นมีพลังพิเศษอะไรให้เลยสักอย่าง พระเจ้าของโลกนี้ใจร้ายเกินไปแล้ว!!”

 

แล้วถึงจะไม่ค่อยน่าเชื่อ แต่ผู้คนของโลกนี้ล้วนเป็นอมตะ พวกเขาทุกคนสามารถเกิดใหม่ได้หลังจากที่ตาย ไม่ว่าจะตายด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ทุกคนจะโดนรีเซ็ตเลเวลกลับมาที่ 0 และติดโทษแห่งความตายทุกครั้งที่ตายเสมอ  

 

ดังนั้นวิถีชีวิตของคนในโลกนี้ค่อนข้างจะแตกต่างจากโลกเดิมที่ผมเคยรู้จักเป็นอย่างมาก

 

รูปร่างหน้าตาของทุกคนที่โลกแห่งนี้จะถูกหยุดไว้หลังจากที่อายุครบ 25 ปี แต่เห็นว่าหากต้องการมีรูปร่างที่ดูมีอายุมากขึ้น ก็สามารถปรับรูปร่างไปตามอายุที่ต้องการได้ที่หน้าต่างสถานะในภายหลังได้ แต่ถึงจะปรับอายุได้ แต่ก็ไม่สามารถปรับรูปร่างหน้าตาได้ ดังนั้นคนที่หน้าตาธรรมดาๆออกไปทางแย่อย่างผมจึงไม่ค่อยหวังกับระบบนี้สักเท่าไหร่

 

แล้วอีกอย่าง 1 ปีในโลกนี้ ก็ไม่เท่ากับ 1 ปีในโลกเดิม 1 ปีในโลกนี้จะนับจากการเปลี่ยนฤดูกาล ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว วนจบครบ 1 รอบนั่นเท่ากับ 1 ปี ถ้านับเป็นวันก็ยาวนานกว่า 668 วันของโลกนี้เลยทีเดียว

 

“หืม…ถ้าเดินไปตามทางเลาะชายป่าไปอีกประมาณ 4 ชั่วโมงก็จะเจอหมู่บ้านโทเดนสินะ เห็นว่ามีเสาบันทึกจุดเกิดด้วย งั้นไปตั้งหลักที่หมู่บ้านนี้ก่อน เก็บเวลจนกว่าจะถึงเวล 40 แล้วค่อยเดินทางต่อ”

 

หลังจากตัดสินใจเลือกเส้นทาง ก็มองดูแผนที่อีกรอบก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ก่อนจะเริ่มออกเดินทางต่อ

 

“แค่พื้นที่ระดับ 1 ก็กินพื้นที่รอบเขตเมืองหลวงไปหลายพันกิโลเมตรแล้ว ถึงไอคุณพระเจ้าจะบอกให้ออกเดินทางไปรอบๆโลกดูก็เถอะ แต่โลกนี้มันไม่ใหญ่เกินไปหน่อยรึไง”

 

ใช่แล้ว โลกแห่งนี้มีเทพพระเจ้าอยู่จริงๆ เทพพระเจ้าตัวจริงเสียงจริง!!  

 

ในโลกนี้หลังจากที่ตายร่ายกายจะกลายเป็นร่างวิญญาณ และหากต้องการจะเกิดใหม่ ร่างวิญญาณจะต้องเดินทางมาที่เสาบันทึกจุดเกิดเพื่อฟื้นคืนชีพ และโดยปกติแล้วเสาบันทึกจุดเกิดจะตั้งอยู่ใกล้ๆกับโบสถ์ของเทพผู้สร้าง ซึ่งเป็นศาสนาเพียงศาสนาเดียวในโลกแห่งนี้ และในโบสถ์นี่เองที่ดวงวิญญาณมีสิทธิ์ขอเข้าพบกับเทพพระเจ้าได้ แต่จะได้เข้าพบหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าอีกทีนึงอะนะ

 

แต่หลังจากที่ผมประลองกับอากิและจบลงด้วยความพ่ายแพ้แล้วก็ได้ตายลงเป็นครั้งแรกหลังจากที่มาถึงโลกแห่งนี้ ก็เลยขอลองเข้าพบดู และผลก็คือพระเจ้ายอมให้เข้าพบ  

 

แต่พอได้เข้าไปเจอจริงๆ ยังไม่ทันจะได้เห็นหน้า ไอคุณเทพพระเจ้านั้นก็เอาแต่หัวเราะแล้วพูดว่า…”อย่างนี้นี่เองๆ” ออกมาหลายๆครั้ง ก่อนที่จะบอกกับผมว่า “เจ้าไม่ต้องพูดอะไร ออกไปท่องโลกกว้างที่ข้าสร้างใบนี้ดูสักรอบก่อน ไปสำรวจให้ทั่วๆ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ค่อยกลับมาหาข้าอีกทีแล้วกัน” แล้วไอคุณพระเจ้าก็โยนผมออกมาทันทีที่พูดจบ โดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ

 

ย้อนกลับมาพูดถึงเรื่องพื้นที่ต่างๆในโลกนี้กัน โดยในโลกนี้พื้นที่จะถูกแบ่งออกเป็นหลายๆระดับ โดยแต่ละระดับจะถูกแบ่งจากเสาควบคุมพื้นที่ โดยพื้นที่ที่สำรวจได้ไกลที่สุดในปัจจุบันก็คือพื้นที่ระดับ 4 ซึ่งเป็นสถานที่เก็บเลเวลระดับ 8000 ขึ้นไป แล้วนอกจากนี้โลกใบนี้ก็ยังมีพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการสำรวจอีกมากมาย ดังนั้นจึงยังไม่มีใครทราบว่าพื้นที่ระดับสูงสุดจะอยู่ที่เท่าไหร่

 

ตามประวัติศาสตร์ที่ได้เรียนมาในโรงเรียนนักผจญภัย ทำให้ผมรู้มาว่าในอดีตโลกนี้เคยถูกปกครองโดยเทพมาร มันคือโลกแห่งฝันร้ายที่มนุษย์ถูกเหล่าปีศาจกดขี่ข่มเหงมาหลายพันปี จนในที่สุดก็มีผู้กล้าคนหนึ่งลุกขึ้นต่อต้านจนสามารถโค่นล้มเทพมารลงได้เมื่อประมาณเกือบ 2พันปีก่อน ก่อนที่ผู้กล้าคนนั้นจะสถาปนาตัวเองกลายเป็นเทพพระเจ้าองค์ใหม่จนมาถึงปัจจุบัน

 

กล่าวกันว่าหลังสงครามครั้งสุดท้าย จำนวนมนุษย์ที่เหลือรอดนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย เล่ากันว่ามีมนุษย์เหลือรอดมาได้เพียงไม่กี่พันคนเท่านั้น และหลังจากที่เทพพระเจ้าองค์ใหม่ทำการจัดสรรค์โลกใหม่ขึ้นมา เทพเจ้าก็ได้มอบความเป็นอมตะและระบบต่างๆให้กับเหล่ามนุษย์  

 

ผู้นำของมนุษย์ที่เหลือรอดก็ได้ทำการก่อตั้งเมืองหลวงของมนุษยชาติขึ้นมา พระเจ้าไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายการปกครองของมนุษย์โดยตรง แต่พระเจ้าได้ทำการออกกฏแห่งวิญญาณขึ้นมาเพื่อใช้ในการควบคุมเหล่ามนุษย์ให้อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง  

 

ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถหลบหนีกฏแห่งวิญญาณได้ แต่กฏแห่งวิญญาณก็ไม่ได้ครอบคลุมระบบระเบียบทั้งหมดของโลกใบนี้ กฏแห่งวิญญาณนั้นส่วนใหญ่แล้วจะครอบคลุมในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องของจริยธรรมอันดีเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกฏแห่งพันธสัญญา กฏแห่งการล่วงละเมิด กฏแห่งทัณฑ์ทรมาน และอีกหลายๆกฏที่เน้นไปที่จิตใจและวิญญาณของผู้คน

 

ดังนั้นพอเป็นแบบนี้ทางราชสำนักจึงได้มีการออกกฏแห่งการปกครองออกมาอีกฉบับเพื่อใช้ในการบริหารประเทศ และควบคุมในส่วนที่กฏแห่งวิญญาณไม่ได้กล่าวถึงอีกที ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมโลกนี้ที่ทุกคนเป็นอมตะแล้ว แต่ก็ยังจะต้องมีราชวงศ์และคณะขุนนางในการปกครอง

 

พันกว่าปีก็ผ่านพ้นไป สังคมมนุษย์เจริญเติบโตขึ้นมาจากยุคหินอย่างต่อเนื่องจนก็กลายมาเป็นสภาพแบบในปัจจุบัน

 

โดยถ้ามองตามมุมมองของผม สภาพสังคมของโลกนี้ก็น่าจะอยู่ในช่วงราวๆยุคกลางของโลกเดิม แต่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าพลังเวทย์และเวทย์มนต์ ดังนั้นหลายๆอย่างจึงถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในแนวทางที่แตกต่างจากโลกเดิมที่ผมเคยอยู่ ยกตัวอย่างก็เช่นเครื่องสื่อสารเวท ที่มันทำงานได้แทบจะเหมือนกับโทรศัพท์มือถือที่ผมรู้จักในโลกก่อนได้เลยด้วยซ้ำ

 

ติ๊ง!

 

พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงข้อความเด้งเข้ามาในเครื่องสื่อสารเวทของผมที่ติดอยู่ตรงเข็มขัด ผมจึงหยิบขึ้นมาดู

 

「ยูกิ」:  เป็นไงบ้างเจ้าแมวน้อย ยังสบายดีอยู่ไหม เริ่มรู้สึกเหงาขึ้นมาบ้างหรือยัง?

 

「โทระ」:  ใครคือเจ้าแมวน้อยกันห๊ะ??

 

「ยูกิ」:  เห~ นี่แกล้งทำเป็นไม่รู้ใช่ไหม? ไม่รู้ตัวจริงๆหรอเจ้าแมวน้อย~~?

 

「โทระ」:  เอาเถอะ จะเรียกยังไงก็ตามใจเลย หิมะน้อย

 

「โทระ」:  ว่าแต่มีอะไรรึเปล่า ทักมาแบบนี้

 

「ยูกิ」:  หืม เดี๋ยวนี้เจ้าแมวน้อยกล้าต่อปากต่อคำซะแล้ว

 

「ยูกิ」:  ใช่สิ หิมะน้อยคนนี้คงหมดประโยชน์แล้วใช่ไหมล่ะ?

 

「ยูกิ」:  แบบนี้หรือเปล่านะที่คนอื่นเค้าเรียกว่าหลอกใช้แล้วทิ้งน่ะ?

 

「โทระ」:  …

 

「โทระ」:  ขออภัยเป็นอย่างสูงครับท่านยูกิ  

 

「โทระ」:  ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านยูกิมีอะไรให้เจ้าแมวน้อยคนนี้รับใช้เชิญกล่าวมาได้เลยครับ

 

「ยูกิ」:  ล้อเล่นน่าๆ เจ้าแมวน้อย หิมะน้อยคนนี้ไม่ใช่พวกเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนั้นสักหน่อย

 

「โทระ」:  …

 

「ยูกิ」:  เอาล่ะๆ พอดีมีคนฝากถามว่าตอนนี้เจ้าแมวน้อยเป็นยังไงบ้าง แล้วตอนนี้เดินทางถึงไหนแล้ว?

 

「โทระ」:  ฮานะฝากถามมางั้นหรอ?

 

「ยูกิ」:  ดูเหมือนว่าจะมีแมวน้อยที่ยังตัดใจไม่ได้แฮะ เจ้าแมวน้อยตัวนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ

 

「โทระ」:  ใครยังตัดใจไม่ได้กัน?

 

「ยูกิ」:  ถ้างั้นทำไมถึงคิดว่าฮานะจังเป็นคนฝากถามล่ะ?

 

「โทระ」:  …

 

「ยูกิ」:  เอาน่าๆ อย่าพึ่งร้องไห้  

 

「ยูกิ」:  ถ้าฮานะจังอนุญาติ หิมะน้อยคนนี้จะส่งรูปฮานะจังตอนอาบน้ำไปปลอบใจให้นะ

 

นี่ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นตรงไหนฟะ ถึงจะรู้ว่ายูกิพยายามมาปลอบใจในแบบของเธอก็เถอะนะ แต่เนื่องจากพึ่งจะอกหักมา ผมเลยเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

 

「โทระ」:  ตอนนี้กำลังเดินทางไปที่หมู่บ้านโทเดนน่ะ  

 

「โทระ」:  แถบนี้พวกเรายังไม่เคยมา ก็เลยลองมาที่นี่ดู

 

「ยูกิ」:  หมู่บ้านโทเดนงั้นเหรอ?

 

「ยูกิ」:  ได้ยินมาว่ามีเห็ดโทเดนเป็นสินค้าขึ้นชื่อใช่ไหม? อยากลองกินจังเลยน้า~

 

「โทระ」:  เดี๋ยวจะส่งผ่านไปรษณีย์ไปให้ถึงหน้าบ้านเลยครับท่านยูกิ

 

「ยูกิ」:  เกรงใจเจ้าแมวน้อยจังเลย

 

「ยูกิ」:  แต่ถ้าส่งมาน้อยไป ก็ไม่รู้ว่าจะแบ่งไปให้ฮานะจังพอไหมซะด้วยสิ

 

「โทระ」:  …

 

「โทระ」:  รับทราบขอรับองค์หญิงยูกิ เจ้าแมวน้อยคนนี้จะส่งไปให้เยอะๆเลยขอรับ

 

「ยูกิ」:  โอเค องค์หญิงคนนี้จะตั้งตารอของฝากนะจ๊ะ เจ้าแมวน้อย

 

เฮ้อ…

 

ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอาเครื่องสือสารเวทมาเหน็บไว้ที่เข็มขัดใน และออกเดินไปตามถนนเรียบชายป่าโทเดนอีกครั้ง

 

เนื่องจากเคยให้ยูกิช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านความรักมาก่อน ดังนั้นพวกเราจึงค่อนข้างที่จะสนิทกัน ถึงจะไม่สมหวัง แต่สุดท้ายก็ต้องขอบคุณเธอที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด

 

…ส่งไปให้สัก 2 ถุงใหญ่ๆก็แล้วกัน น่าจะพอให้พวกนั้นกินกันไปหลายวันอยู่นะ…

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

 

ตัดกลับมาที่อีกด้านของเครื่องสื่อสารเวท

 

“กำลังทำอะไรอยู่น่ะยูกิจัง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวแบบนั้น ดูอารมณ์ดีจังเลยนะทั้งๆที่โทระคุงพึ่งจะแยกกลุ่มออกไปแท้ๆ”

 

เสียงใสๆของฮานะดังขัดขึ้นมาในขณะที่ฉันกำลังคุยแชทกับเจ้าแมวน้อยโทระอยู่

 

“เอ๋~ ไม่มีอะไรสักหน่อยฮานะจัง แค่กำลังคุยกับเจ้าแมวน้อยอยู่เอง”

 

“เจ้าแมวน้อย?” ฮานะเอียงคอพลางทำหน้าไม่ค่อยเข้าใจ

 

“ไม่มีอะไรๆ ว่าแต่ว่านะฮานะจัง เธอไม่ได้ชอบโทระคุงจริงๆใช่ไหม?”

 

“เอ๋ ทำไมถึงวกกลับมาเรื่องนี้ได้ล่ะ!?” แก้มของฮานะแดงขึ้นเล็กน้อยเมื่อฉันถามเธอแบบนั้น

 

“ก็ฉันแค่สงสัยน่ะ ถึงหมอนั้นจะหน้าตาบ้านๆไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นคนจริงจังแล้วก็ทุ่มเทให้ฮานะจังยิ่งกว่าใครๆเลยนะ ฉันก็เลยอดรู้สึกสงสัยไม่ได้น่ะ”

 

ได้ยินแบบนั้นฮานะก็เงียบไปพักนึงก่อนที่จะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างของห้อง

 

“อืม ฉันเองก็ไม่ได้ไม่ชอบโทระคุงหรอกนะ…”

 

“เอ๋~!? งั้นเธอก็ชอบหมอนั้นสิ!? แล้วทำไมถึงปฏิเสธคำสารภาพรักของหมอนั้นล่ะ?”

 

ฉันแอบตกใจในคำตอบของฮานะจัง

 

“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แค่ความรู้สึกของฉันที่มีต่อโทระคุงมันไม่ใช่ในแบบของคนรักน่ะ…จะว่ายังไงดีล่ะ คงเป็นเหมือนกับ…อยากเป็นเพื่อนกันมากกว่า…อะไรประมาณนี้ล่ะมั้ง”

 

“งั้นเหรอๆ แบบนี้เองสินะ ฉันว่าฉันเข้าใจความรู้สึกของฮานะจังแล้วล่ะ…แต่จะว่าไปโทระคุงนี่ก็น่าสงสารจริงๆเลยน้า ทั้งที่ทุ่มเทไปขนาดนั้นแท้ๆ คงเจ็บปวดน่าดูเลย…ว่าแต่ถ้าหมอนั้นโดนผู้หญิงคนอื่นเข้าหามาในจังหวะที่กำลังอกหักแบบตอนนี้พอดีอาจจะอ่อนไหวจนโดนแย่งไปก็ได้นะ ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะทำยังไงล่ะ”

 

“ทำไมฟังดูฉันเป็นคนไม่ดีไปซะอย่างนั้นล่ะ…แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องของโทระคุงสักหน่อย…แต่ว่านะ ถ้าผู้หญิงคนนั้นสามารถทำให้โทระคุงมีความสุขได้ ฉันก็คงรู้สึกดีใจกับโทระคุงด้วยล่ะนะ”

 

ฉันเผลอยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของฮานะ

 

“งั้นเหรอๆ อย่างนี้นี่เอง”

 

“ยูกิยิ้มได้น่าขยะแขยงมากเลยรู้ตัวไหม…ดูออกง่ายเกินไปแล้วนะ ช่วยเก็บอาการหน่อยเถอะ”

 

เสียงของเอริดังขัดขึ้นมา พร้อมมองมาที่ฉันอย่างเอือมระอา ในขณะที่ฮานะดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เอริพูดสักเท่าไหร่

 

“ดูอะไรออกงั้นเหรอเอริจัง” ฮานะหันไปถามเอริอย่างสงสัย

 

“…”  

 

เอริหันไปมองฮานะจังด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจ

 

“นอกจากตาทึ่มนั่นแล้ว ยังมียัยทึ่มอีกคนงั้นเหรอเนี่ย…”

 

เฮ้อ… เอริถอนหายใจ ก่อนที่จะเลิกสนใจพวกเรา หันกลับไปอ่านหนังสือของเธอต่อตามเดิม

 

“นี่เอริคุง อย่ามาว่านางฟ้าของฉันว่าเป็นยัยทึ่มนะ ฮานะจังก็แค่เป็นคนดีแล้วก็ใสซื่อโลกสวยไปหน่อยแค่นั้นเอง”

 

“เอ๋~? นั่นคำชมจริงๆใช่ไหมยูกิจัง!? ชมจริงๆใช่ไหม!?”

 

“ก็จริงน่ะสิฮานะจัง!!”

 

“จ้าๆ พวกเธออยากจะทำอะไรก็ตามสบายเลย ฉันขออ่านหนังสือเงียบๆต่อดีกว่า”

 

ในขณะที่พวกเราสามคนกำลังคุยวุ่นวายกันอยู่ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างกระทันหัน ก่อนที่อากิจะเดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มกว้าง

 

“เอาล่ะทุกคน วันนี้มีเควสด่วนเข้ามาจากหมู่บ้านโรดัน เนื้อหาภารกิจคือให้ช่วยกำจัดฝูงของราชาหมีแดงเลเวลประมาณ 600 ที่กำลังอาละวาดอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆหมู่บ้าน…หืม…เป็นอะไรไป ทำไมมองหน้าฉันแบบนั้น”

 

“นี่อากิ รู้ใช่ไหมว่านี่ห้องของเด็กผู้หญิง?”

 

ฉันหันกลับไปถามอากิที่กำลังทำหน้าเหรอหรา

 

“หืม? รู้สิ..ก็นี่ห้องของพวกเธอนี่”

 

“แล้วทำไมไม่รู้จักหัดเคาะประตูก่อนเข้ามายะ ถ้าฮานะจังกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่จะทำยังไง หา!!”

 

“เดี๋ยวก่อนสิ ยูกิจัง ทำไมต้องใช้ฉันยกเป็นตัวอย่างด้วยล่ะ!?”

 

ฮานะจังประท้วงพร้อมกับหน้าของเธอกลายเป็นสีแดง

 

“ก็ห้องมันไม่ได้ล็อคนี่…”

 

อากิพยายามประท้วง

 

“นั้นมันใช่เหตุผลที่จะมาอ้างตอนเข้ามาในห้องของหญิงสาวไหมห๊ะ!? รีบออกไปเลยนะ!!”

 

ฉันทำการผลักอากิออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะปิดประตูอย่างแรงใส่

 

เฮ้อ… เอริที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมห้องถอนหายใจออกมาอีกรอบ

 

“ปาร์ตี้ที่ไม่มีหมอนั้นคอยจัดการนี่จะไปกันรอดจริงๆใช่ไหมเนี่ย…”

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

 

เวลาผ่านไปอีกประมาณ 4 ชั่วโมง ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงทางเข้าหมู่บ้านโทเดน  

 

หมู่บ้านโทเดนเป็นหมู่บ้านขนาดกลางที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองหลวง มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 400 ครัวเรือน และเนื่องจากอยู่ใกล้กับเมืองหลวงทำให้หมู่บ้านนี้มีสภาพที่ดูดี และยังมีคนสัญจรผ่านไปมาค่อนข้างเยอะ

 

กำแพงหมู่บ้านสร้างจากหินสูงประมาณ 5 เมตร มีทหารยามเดินลาดตระเวนอยู่ที่ด้านบน จนผมนึกในใจว่านี่น่าจะเรียกว่าเมืองมากกว่าที่จะเรียกว่าหมู่บ้าน แต่เนื่องจากจำนวนประชากรไม่มากพอที่จะกลายมาเป็นเมือง จึงทำให้หมู่บ้านโทเดนยังคงถูกเรียกว่าหมู่บ้าน ทั้งๆที่มีสภาพความเป็นอยู่แบบชาวเมืองทุกอย่าง

 

ผมเดินผ่านประตูหมู่บ้าน(?)เข้าไปโดยจ่ายค่าผ่านประตูไปทั้งหมด 2 เหรียญเงิน

 

ค่าเงินในโลกแห่งนี้แบ่งออกเป็น 4 ระดับคือ แดง เงิน ทอง และม่วง โดยที่ 100 เหรียญแดงจะเท่ากับ 1 เหรียญเงิน 100 เหรียญเงินเท่ากับ 1 เหรียญทอง และ 1000 เหรียญทองจะเท่ากับ 1 เหรียญม่วง  

 

เนื่องจากเหรียญม่วงมีค่าเงินที่สูงเกินไป ดังนั้นค่าเงินส่วนใหญ่ที่ใช้กันจะอยู่ในระดับเหรียญทองซะส่วนใหญ่

 

ค่าครองชีพโดยเฉลี่ยของเขตเมืองหลวง หากใช้อย่างประหยัดหน่อยก็จะอยู่ที่วันละประมาณ 5-6 เหรียญเงิน และรายได้โดยเฉลี่ยของประชาชนแถบนี้จะอยู่ที่ราวๆ 20-40 เหรียญเงินต่อวัน แล้วแต่ชนิดของงานที่ทำ

 

มอนสเตอร์ในโลกนี้นั้นไม่ดรอปเงินออกมา แต่จะดรอปพวกวัตถุดิบต่างๆออกมาให้ ทำให้ระบบเงินของโลกใบนี้ค่อนข้างที่จะสมบูรณ์ไม่ต่างจากโลกเดิมที่เขาเคยอยู่ อาชีพต่างๆล้วนมีความสำคัญในการดำรงอยู่ของสังคมและการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ

 

ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของเศรษฐศาสตร์สักเท่าไหร่ แต่ถ้าดูจากสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในแถบเมืองหลวงก็ถือว่าประชาชนสามารถกินดีอยู่ดีได้ในระดับเดียวกับประเทศที่เจริญแล้วในโลกเดิมของเขา

 

ถ้าทำงานก็ไม่มีวันอดตาย นั่นคือคำจำกัดความของสภาพเศรษฐกิจของโลกนี้

 

“ขั้นแรกก็ต้องหาที่พักก่อน”

 

โดยปกติแล้วพวกโรงแรมจะตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองหรือประตูหมู่บ้านสักเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงสามารถหาที่พักได้โดยไม่ยากนัก

 

ผมเลือกโรงแรมที่ชื่อว่าโรงแรมหมูป่าที่ตั้งอยู่ทางประตูทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ถึงชื่อจะดูแปลกๆ และค่าห้องจะสูงกว่าที่อื่นเล็กน้อย แต่ที่โรงแรมนี้ก็รวมอาหารเช้าเข้าไปในราคาค่าห้องเรียบร้อยแล้ว และทางออกประตูทิศตะวันออกก็อยู่ใกล้กับป่าโทเดนมากที่สุดด้วย ดังนั้นผมจึงเลือกพักที่นี่

 

หลังจากได้ที่พักผมก็เดินทางไปยังสมาคมนักผจญภัยเพื่อรับภารกิจ

 

ตามที่อากิเคยเล่าให้ฟัง มันถือว่าเป็นเรื่องปกติของการไปต่างโลกที่จะต้องมีสมาคมหรือกิลด์นักผจญภัยเพื่อช่วยให้เหล่าตัวเอกได้มีงานมีการทำ และเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินเรื่องให้เดินหน้าต่อไปได้

 

แต่ตามที่เล่ามาดูเหมือนว่าสมาคมนักผจญภัยในโลกนี้จะต่างจากในนิยายที่อากิเคยอ่านมาเล็กน้อย สมาคมนักผจญภัยในโลกนี้นั้นจะไม่มีการแบ่งแรงค์ของนักผจญภัย อาจจะเป็นเพราะโลกนี้ทุกคนเป็นอมตะ ดังนั้นการตายจึงไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต การแบ่งแรงค์จึงไม่มีประโยชน์อะไรในเรื่องนี้

 

สมาคมนักผจญภัยมีหน้าที่เป็นคนกลางคอยประสานระหว่างผู้ว่าจ้าง และผู้รับภารกิจให้ โดยที่นักผจญภัยทุกคนที่ต้องการรับภารกิจจะต้องลงทะเบียนกับทางสมาคมก่อนเท่านั้นจึงจะสามารถรับภารกิจในสมาคมได้ และแต่ละคนจะมีสถิติความสำเร็จในการทำภารกิจคอยอัพเดทอยู่ตลอดเวลา

 

และในการรับภารกิจ สมาชิกทุกคนสามารถรับภารกิจอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ ถ้าสามารถจบภารกิจตามเงื่อนไขก็จะได้รับค่าตอบแทนและคะแนนภารกิจตามที่ทางสมาคมกำหนดไว้ แต่หากไม่สามารถจบภารกิจได้ก็จะโดนปรับเป็นเงินและลบคะแนนความสำเร็จตามที่กำหนดไว้เช่นเดียวกัน หรือหากเลวร้ายกว่านั้นก็อาจจะต้องเสียชีวิตในการทำภารกิจแล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่เลเวล 0 อีกครั้งเลยก็ได้

 

ดังนั้นการทำภารกิจต่างๆ ผู้ที่จะรับภารกิจก็ต้องเข้าใจและรู้ในศักยภาพของตัวเองด้วย เพราะยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไหร่ คะแนนความสำเร็จก็จะยิ่งมากเท่านั้น ทำให้อาจจะมีการว่าจ้างโดยตรงจากผู้ว่าจ้าง ซึ่งการว่าจ้างโดยตรงแบบนี้จะให้ผลตอบแทนที่มากกว่าการรับภารกิจแบบปกติหลายเท่า

 

หลังจากที่ผมเดินเข้ามาในสมาคมนักผจญภัยที่เป็นอาคารหินผสมไม้แห่งหนึ่ง ผมก็เดินไปที่กระดานภารกิจที่ถูกตั้งไว้ตรงกลางอาคาร

 

“ส่วนมากเป็นภารกิจให้ล่าเนื้อหมูป่าโทเดน กับเก็บเห็ดโทเดนสินะ”

 

บนกระดานภารกิจ กระดาษภารกิจที่มีจำนวนมากที่สุดก็คือคำขอให้ล่าเนื้อหมูป่าโทเดนซึ่งน่าจะเป็นแหล่งอาหารหลักของหมู่บ้าน รองลงมาก็คือการเก็บเห็ดโทเดนที่ขึ้นอยู่ภายในป่า และมีส่วนน้อยที่ให้ทำการล่าหนังหมาป่าโทเดน

 

เนื้อหมูป่าโทเดน 100 ชิ้น ได้ค่าตอบแทน 30 เหรียญเงิน เห็ดโทเดน 1 กิโลได้ 5 เหรียญเงิน หนังหมาป่า 10 ผืนได้ 40 เหรียญเงิน ทุกภารกิจกำหนดเวลา 2 วันงั้นเหรอ

 

ผมตัดสินใจดึงภารกิจล่าเนื้อหมูป่าโทเดน 100 ชิ้นมา 1 ใบ

 

ถึงจะไม่ได้มีกฏระบุไว้ก็ตาม แต่โดยส่วนมากแล้วนักผจญภัยส่วนใหญ่จะเก็บวัตถุดิบทุกอย่างที่หาได้จากการล่ากลับมาด้วยเสมอ ก่อนที่จะนำมันมาส่งภารกิจทีหลังโดยที่ยังไม่รับคำร้องภารกิจเพื่อป้องกันการผิดพลาด ซึ่งอาจจะส่งผลให้โดนค่าปรับได้

 

แต่ที่ผมต้องดึงใบภารกิจมาสักใบก็เพราะว่าหากมีใบภารกิจที่ยังไม่หมดอายุของเมืองหรือหมู่บ้านนั้นๆ นักผจญภัยสามารถเดินทางเข้าออกประตูเมืองได้ฟรีนั่นเอง

 

ผมเดินไปที่เค้าเตอร์บริการที่มีพนักงานหลายคนนั่งอยู่ ก่อนที่จะยื่นใบภารกิจกับการ์ดนักผจญภัยให้กับพนักงานคนหนึ่ง

 

“มารับภารกิจครับ”

 

“ขอตรวจสอบสักครู่นะครับ”

 

พนักงานสมาคมหยิบบัตรนักผจญภัยของผมไปเสียบเข้ากับเครื่องอะไรสักอย่าง ก่อนที่ข้อมูลของผมจะแสดงขึ้นมา

 

ชื่อ : โคซากิ โทระ

 

อายุ : 18 ปี

 

คะแนนความสำเร็จ : 0

 

ปฏิบัติภารกิจสำเร็จ : 23135 ครั้ง

 

ปฏิบัติภารกิจล้มเหลว : 0 ครั้ง

 

หลังจากเห็นข้อมูลที่แสดงขึ้นมา พนักงานกิลด์คนนั้นก็หันมาสอบถาม

 

“พึ่งเสียชีวิตมางั้นหรือครับ ต้องการให้รีเซตจำนวนครั้งที่ปฏิบัติภารกิจสำเร็จให้ไหมครับ”

 

“ใช่ครับ แล้วยังไงรบกวนช่วยรีเซ็ตข้อมูลให้ด้วยครับ”

 

หลังจากที่ผมกับพวกอากิใช้เวลาไป 6 ปีในการเข้าเรียนที่โรงเรียนนักผจญภัย พวกผมก็ตั้งปาร์ตี้กันมาโดยตลอด พวกเราร่วมกันทำภารกิจด้วยกันมาเยอะมาก แต่หลังจากที่ผมตาย คะแนนความสำเร็จก็ถูกรีเซ็ตใหม่โดยอัตโนมัติจนกลับมาเป็น 0 ใหม่อีกครั้ง  

 

ดังนั้นถึงจะมีจำนวนการปฏิบัติภารกิจสำเร็จที่สูงขนาดไหนก็ตาม หากคะแนนความสำเร็จไม่สัมพันธ์กัน ความน่าเชื่อถือที่จะได้รับก็จะลดลงอย่างมาก ดังนั้นให้รีเซ็ตข้อมูลแล้วเริ่มเก็บใหม่ยังไงก็ดีกว่า

 

“รับทราบครับ”

 

พนักงานกิลด์หันกลับไปกดปุ่มที่เครื่องแสกนข้อมูลอยู่สักพักก็ยื่นบัตรคืนให้ผม

 

“ทำการรีเซ็ตข้อมูล กับรับภารกิจล่าเนื้อหมูป่าโทเดนให้เรียบร้อยแล้วครับ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ”

 

“ขอบคุณมากครับ”

 

ผมตอบรับก่อนที่จะเดินออกมาจากตัวอาคารแล้วมุ่งหน้าไปยังป่าโทเดนทันที

 

เนื่องจากในหนึ่งวันมี 72 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นช่วงเช้า 18 ชั่วโมง ช่วงกลางวัน 18 ชั่วโมง ช่วงเย็นอีก 18  ชั่วโมง และช่วงกลางคืนอีก 18 ชั่วโมง ในวันนี้ผมวางแผนที่จะทำการล่าและเก็บเลเวลไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงปลายช่วงเย็นที่มีแสงน้อยจนเกินไป ทำให้มีเวลาเก็บเลเวลทั้งหมดประมาณ 42 ชั่วโมง ซึ่งแทบจะเท่ากับ 2 วันในโลกเดิม

 

และอาจจะเป็นเพราะความเคยชินทำให้ร่างกายสามารถปรับตัวให้เข้ากับช่วงเวลาของโลกใบนี้ได้แล้ว ดังนั้นการที่ต้องออกผจญภัยติดต่อกัน 40-50 ชั่วโมงในแต่ละวันนั้นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

 

เดินมาไม่นานก็ได้เดินมาถึงบริเวณชายป่า ที่แห่งนี้มีนักผจญภัยค่อนข้างเยอะ และยังรวมถึงเหล่าพ่อค้าที่นำน้ำยารักษาอาการบาดเจ็บมาวางขาย หรือพ่อครัวที่มาเปิดร้านขายอาหารง่ายๆอยู่ริมชายป่าอยู่เป็นจำนวนมาก

 

บรรยากาศแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศในเกมออนไลน์ของโลกเก่าที่เคยเล่นสมัยหนุ่มๆ ที่ตามแหล่งเก็บเลเวลสำคัญๆจะมีผู้เล่นคนอื่นๆอยู่เป็นจำนวนมาก

 

“รับสมัครขาจร ตำแหน่งผู้รักษา กับตัวชน เลเวลเฉพาะสาย 20 ขึ้นไปครับ!!”

 

“รับสมัครตี้ถาวร ตำแหน่งตัวทำความเสียหายเลเวล 30 ขึ้นไปจ้า!!”

 

มีเสียงตะโกนรับสมัครนักผจญภัยเข้าปาร์ตี้อยู่มากมาย แต่เนื่องจากเลเวลของผมต่ำเกินไปจึงไม่ตรงเงื่อนไขส่วนใหญ่ที่ต้องการ

 

“ต้องลุยเดียวไปอีกสักพักแหละนะ ตุนยาเพิ่มเอาไว้หน่อยดีกว่า”

 

ผมเดินไปที่แผงลอยขายน้ำยาของพ่อค้าคนหนึ่ง ก่อนที่จะทำการซื้อน้ำยารักษาอาการบาดเจ็บมาทั้งหมด 100 ขวด น้ำยารักษาอาการบาดเจ็บแบบธรรมดานี้มีราคาอยู่ที่ขวดละ 20 เหรียญแดง ทำให้ผมจ่ายไปทั้งหมดกว่า 20 เหรียญเงิน

 

จากการทำงานหนักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ผมพอจะมีเงินเก็บเหลืออยู่ที่ราวๆ 70 เหรียญทอง ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนค่อนข้างมาก ดังนั้นการจ่ายเงินจำนวนแค่นี้ถือว่าไม่หนักหนาอะไร

 

ผมหยิบโล่และดาบออกมาเตรียมพร้อมก่อนที่จะค่อยๆเดินหายเข้าไปในป่าโทเดนเพียงลำพัง

 

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

Status: Ongoing
ตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ที่โลกนี้ เวลาก็ผ่านไป 6 ปีแล้ว แล้วก็…ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังดื้อดึง สุดท้ายก็พ่ายแพ้กลับมา แต่ในเมื่อไม่มีอะไรคาใจแล้ว…ก็ขอออกไปท่องโลกกว้างดูสักครั้งแล้วกัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน