To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ – ตอนที่ 3 บทบาทตัวชนก็ไม่เห็นจะยาก

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

ป่าโทเดนนั้นเป็นป่าทึบที่ค่อนข้ามมืดและชื้น แต่สภาพพื้นผิวดินนั้นไม่ค่อยมีวัชพืชขึ้นมากเท่าไหร่เพราะว่าต้นโทเดนนั้นเป็นต้นไม้ที่สูงและมีใบอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีแสงแดดส่องลงมาถึงบริเวณพื้นป่า

 

สิ่งที่จะขึ้นได้บริเวณพื้นป่าส่วนมากก็จะเป็นพวกเห็ด หรือพวกพืชที่ไม่ชอบแสงแดด หรือพืชที่ชอบความชื้นสูง

 

“ทั้งๆที่ดูเหมือนว่าอยู่ในเกม แต่ระบบนิเวศของโลกใบนี้ก็ทำให้เข้าใจว่านี่มันคือต่างโลกของจริง ดูกี่ทีก็เหลือเชื่อจริงๆ”

 

ผมพึมพัมออกมา ในขณะที่กำลังมองดูสัตว์ตัวเล็กๆลักษณะคล้ายหนูในโลกเดิม วิ่งผ่านหน้าไป เสียงร้องของแมลงต่างๆที่ดังอยู่รอบตัว ทำให้รู้ว่าระบบนิเวศของโลกนี้นั้นซับซ้อนเกินกว่าที่จะเข้าใจ มันไม่ใช่แค่เป็นป่าธรรมดาๆเหมือนในเกม ที่จะมีเฉพาะมอนสเตอร์ที่กำหนดเท่านั้นอยู่ในป่า

 

หลังจากเดินเข้ามาในป่าอีกสักพัก จำนวนนักผจญภัยที่เคยเจอบ้างระหว่างทางก็ค่อยๆหายไป ในตอนนี้ผมอยู่เพียงลำพังที่กลางป่าอย่างแท้จริง  

 

ตลอดทางที่ผ่านมาผมได้เก็บเห็ดโทเดนได้เป็นจำนวนค่อนข้างเยอะ แต่ปัจจุบันนั้นผมยังไม่เจอหมูป่าโทเดน หรือหมาป่าโทเดนเลยสักตัว

 

“บางทีอาจจะต้องเข้าไปในป่าลึกมากกว่านี้อีกนิดนึงละมั้ง”

 

มอนสเตอร์ในโลกนี้ถึงจะสามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติก็จริง แต่มอนเตอร์แต่ละชนิดก็มีอัตราการเกิดที่แน่นอนอยู่ด้วย ดังนั้นเราจึงสามารถล่ามอนสเตอร์ได้ทุกตัวโดยที่ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะทำให้มอนสเตอร์ชนิดนั้นๆสูญพันธุ์ไป

 

หรือกล่าวได้อีกอย่างก็คือมอนสเตอร์เองก็มีชีวิตเป็นอมตะเช่นเดียวกันกับมนุษย์นั่นเอง แต่กระบวนการเกิดของมอนสเตอร์นั้นจะแตกต่างจากมนุษย์ค่อนข้างมาก พวกมันจะสุ่มเลเวลใหม่ในตอนที่เกิดใหม่ทุกครั้ง โดยระดับจะขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆเอง ยกตัวอย่างเช่นที่ป่าโทเดนแห่งนี้ ไม่ว่าเราจะล่าหมูป่าไปมากมายแค่ไหนก็ตาม หมูป่าโทเดนก็จะเกิดใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆโดยจะสุ่มเลเวลตั้งแต่ 5 – 25 โดยที่มันไม่จำเป็นต้องเก็บเลเวลเลยแม้แต่น้อย

 

แซ๊กๆ

 

เสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากทางพุ่มไม้เตี้ยๆที่อยู่ด้านข้าง ผมรีบหันไปมองก่อนที่จะได้สบตาเข้ากับหมูป่าโทเดนเข้า ตัวมันสูงร่าวๆ 1 เมตร ถือว่าเป็นมอนสเตอร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่

 

ในโลกแห่งนี้เราจะไม่ทราบเลเวลของมอนสเตอร์ที่เราสู้ด้วยจนกว่าจะเรากำจัดมันได้ ดังนั้นผมจึงไม่ทราบว่าเลเวลของหมูป่าตัวที่กำลังเจออยู่นั้นมีเลเวลอยู่ที่เท่าไหร่

 

มอนสเตอร์ที่กินพืชส่วนมากจะเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่โจมตีมนุษย์ก่อนก็จริง แต่หากเราเดินเข้าไปใกล้มันมากเกินไปมันก็จะทำการหลบหนีทันที ดังนั้นถ้าหากเราต้องการล่ามอนสเตอร์ที่ไม่โจมตีก่อน ขั้นแรกที่ต้องทำก็คือการยั่วยุให้มันหันมาโจมตีเราให้ได้

 

ผมเสียบดาบไว้ที่พื้นดินข้างๆ ก่อนที่จะหยิบก้อนหินออกมาจากช่องเก็บของ แล้วทำการปาไปที่หมูป่าโทเดนทันที

 

พลั๊ก!!

 

ก้อนหินโดนส่วนหัวของหมูป่าเต็มๆ มันคำรามอย่างดุร้ายก่อนที่จะวิ่งเข้ามาหาผมด้วยความรวดเร็ว

 

ผมรีบหยิบดาบขึ้นมา ก่อนที่จะตั้งโล่ไม้ไว้ที่ด้านหน้าเพื่อรอรับแรงชนของหมูป่าที่กำลังวิ่งเข้ามาหา

 

ปัง!!

 

หัวของหมูป่าชนเข้ากับโล่เต็มๆ ผมรีบกระโดดลอยตัวขึ้น ยืมแรงกระแทกของหมูป่าลอยกระเด็นถอยไปด้านหลัง

 

โล่ไม้ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ และจากประสบการณ์ถ้าวัดจากแรงกระแทก หมูป่าตัวนี้น่าจะมีค่าพละกำลังอยู่ที่ราวๆ 30 ถ้าเป็นอย่างนั้นเลเวลของหมูป่าตัวนี้ก็น่าจะอยู่ที่ราวๆเลเวล 10 เป็นอย่างน้อย

 

หมูป่าสบัดหัวเล็กน้อย เนื่องจากแรงกระแทกที่ปะทะเข้ากับโล่ ก่อนที่มันจะหันมาทางผมและวิ่งเข้าใส่อีกครั้ง

 

คราวนี้ผมไม่ได้ตั้งโล่ขึ้นมาตั้งป้องกันที่ด้านหน้าอีก แต่ยกดาบมาไว้ที่ด้านหน้าแทน ส่วนมือที่ถือโล่นั้นยกโล่ขึ้นมาไว้ที่ข้างลำตัวในลักษณะเตรียมพร้อม ทันทีที่หมูป่าวิ่งเข้ามาถึงผมก็เบี่ยงตัวหลบออกด้านข้างพร้อมกับเปลี่ยนแนวดาบให้เป็นแนวขวาง อาศัยยืมแรงที่หมูป่าวิ่งเข้าใส่เพิ่มแรงเฉือนจนหมูป่าที่วิ่งผ่านไปมีรอยแผลยาวที่ข้างลำตัว เลือดสดๆไหลออกมาจากบาดแผลเป็นจำนวนมาก

 

หมูป่ากรีดร้องอย่างเจ็บปวด ในโลกนี้ไม่มีตัวเลขแสดงความเสียหายแบบในเกม ในการต่อสู้นั้นทุกความเสียหายที่ได้รับนั้นคือบาดแผลของจริง เลือดไหลจริงๆและเจ็บจริงเช่นกัน

 

ถ้าดูจากบาดแผลที่น่าจะลึกถึงกระดูก เจ้าหมูป่าตัวนี้คงไม่รอดแล้ว แต่สัตว์ป่า หรือมอนสเตอร์นั้นมีความถึกและอดทนมากกว่ามนุษย์เป็นปกติ ดังนั้นก่อนที่มันจะสิ้นใจความอันตรายจึงยังมีอยู่

 

มันหันกลับมามองที่ผมพร้อมกับแววตาที่กลายเป็นสีแดงส่องประกาย หมูป่าตัวนี้เข้าสู่โหมดบ้าคลั่งไปเป็นที่เรียบร้อย

 

มันร้องคำรามก้อง ก่อนที่จะควบตะบึงเข้ามาหาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าบาดแผลน่าจะมีผลต่อมันไม่น้อย จึงทำให้ความเร็วของมันลดลงอย่างมาก

 

ผมรับมืออย่างใจเย็นและใช้วิธีแบบเดิมอีกครั้งในการรับมือ โดยครั้งนี้ผมเล็งใบดาบไปที่ส่วนขาของมัน

 

หมูป่ากรีดร้อง ในตอนที่วิ่งผ่านไป ก่อนที่มันจะลงไปนอนกองที่พื้นอย่างหมดสภาพ ขาหน้าและขาหลังของมันขาดไปสองข้าง ดังนั้นมันจึงหมดทางสู้ ได้แต่ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น

 

ผมเดินเข้าไปหามันจากทางด้านบนเพื่อป้องกันแรงฮึดเฮือกสุดท้ายของมัน ก่อนที่จะปักดาบเข้าที่ส่วนหัวของมันอย่างเด็ดขาด หมูป่ากรีดร้องครั้งสุดท้ายก่อนที่จะแน่นิ่งไป

 

ร่างของมันค่อยๆกลายเป็นละออกแสง รวมถึงเลือดของมันที่เคยกระจายอยู่ทั่วลานต่อสู้ก็ด้วย  

 

กลายเป็นภาพที่ค่อนข้างงดงาม

 

และเมื่อละอองแสงหายไปจนหมด ก็มีหน้าต่างโปรงใสสีฟ้าปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของผม

 

กำจัดหมูป่าโทเดน เลเวล 12 สำเร็จ

 

ได้รับค่าประสบการณ์ 60 แต้ม

 

ได้รับ เนื้อหมูป่าโทเดน 2 ชิ้น

 

ได้รับ เขี้ยวหมูป่าโทเดน 1 ชิ้น

 

ได้รับ หนังหมูป่าโทเดน 1 ชิ้น

 

ได้รับ เศษโครงกระดูกหมูป่าโทเดน 3 ชิ้น

 

“ทั้งๆที่ตอนสู้โคตรจะสมจริงแท้ๆ แต่พอสู้จบกลายเป็นแฟนตาซีเฉย”

 

เฮ้อ…ผมถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะเริ่มเดินลึกเข้าไปในป่าเพื่อหาเหยื่อรายต่อไป

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

 

การล่ายังคงดำเนินต่อไป เสียงโหยหวนของหมูป่าโทเดนดังขึ้นเป็นระยะๆ รวมถึงบางครั้งก็มีเสียงร้องของหมาป่าดังขึ้นมาบ้างในบางครั้ง

 

กำจัดหมาป่าโทเดน เลเวล 20 สำเร็จ

 

ได้รับค่าประสบการณ์ 100 แต้ม

 

ได้รับ เนื้อหมาป่าโทเดน 1 ชิ้น

 

ได้รับ เขี้ยวหมาป่าโทเดน 2 ชิ้น

 

ได้รับ หนังหมาป่าโทเดน 1 ชิ้น

 

ได้รับ เศษโครงกระดูกหมาป่าโทเดน 2 ชิ้น

 

“ทั้งๆที่หมาป่าเลเวลสูงกว่าหมูป่าแท้ๆ แต่กลับล่าง่ายกว่าซะงั้น”

 

ในตอนนี้ผมกำลังมองดูซากหมาป่าโทเดนตัวนึงที่กำลังกลายเป็นละอองแสงหายไป

 

กรร!! โฮ่ง!!

 

มีเสียงขู่และเห่าของหมาป่าอีกตัวดังขึ้นมา ก่อนที่มันจะวิ่งเข้าหาผมอย่างรวดเร็ว และทันทีที่ถึงระยะโจมตี หมาป่าก็กระโดดเข้าจู่โจม หมายจะขย่ำคอหอยของเหยื่อให้ได้ในครั้งเดียว

 

ผมเอี่ยวตัวหลบ ก่อนที่จะยกดาบขึ้นตั้งขวาง แล้วปาดเข้าลำคอของหมาป่าที่กำลังลอยเข้ามาอย่างสวยงาม หัวของหมาป่ากระเด็นขึ้นฟ้าและสิ้นใจตายทันทีทั้งที่ร่างของมันยังไม่ตกกระทบพื้นเลยด้วยซ้ำ

 

กำจัดหมาป่าโทเดน เลเวล 25 สำเร็จ

 

ได้รับค่าประสบการณ์ 125 แต้ม

 

ได้รับ เนื้อหมาป่าโทเดน 2 ชิ้น

 

ได้รับ เขี้ยวหมาป่าโทเดน 2 ชิ้น

 

ได้รับ หนังหมาป่าโทเดน 1 ชิ้น

 

ได้รับ เศษโครงกระดูกหมาป่าโทเดน 2 ชิ้น

 

“ง่ายจนน่าเบื่อเลยนะเนี่ย”

 

ในตอนแรกผมคิดว่าบางทีการล่าอาจจะมีอันตรายอะไรอยู่บ้าง แต่พอมาเจอของจริงกลับง่ายจนเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นหมูป่าโทเดนที่เอาแต่พุ่งเข้าใส่ หรือหมาป่าโทเดนที่ชอบกระโจนเข้าใส่

 

“แต่จะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ถูกซะทีเดียวแฮะ ถ้าพูดถึงการสร้างความเสียหาย ถึงเราจะทำได้ดี แต่ถ้าเป็นการล่าแบบปาร์ตี้ การที่ตัวชนเอาแต่หลบแล้วสร้างความเสียหายอย่างเดียวก็ถือว่าทำหน้าที่ได้บกพร่องอยู่”

 

ถ้าพูดโดยไม่ลำเอียง ตำแหน่งเดิมของผมโดยปกติแล้วจะเป็นคนที่คอยสร้างความเสียหายให้กับปาร์ตี้ ซึ่งอาจจะเป็นเราะความเคยชินจึงทำให้การทำหน้าที่ตำแหน่งตัวชนที่เป็นหน้าที่หลักของสายดาบโล่นั้นผิดแผลกออกไปจากปกติ

 

“ถ้ามาเป็นปาร์ตี้ แล้วเราทำแบบนี้ แนวหลังคงแตกกระจุยล่ะนะ”

 

“เอาล่ะ ไหนๆก็มาลองเล่นแบบตัวชนดูสักหน่อยดีกว่า สเตตัส”

 

ชื่อ : โคซากิ โทระ

 

อายุ : 18 ปี

 

วันเกิด : 04/04

 

สถานะ : ติดโทษแห่งความตาย (คงเหลือ 299 วัน), โสด

 

อาชีพ : นักดาบโล่ [เปลี่ยน]

 

เลเวล : 11 (นักธนู Lv.1, พ่อครัว Lv.1, ผู้รักษา Lv.1, นักดาบโล่ Lv.8)

 

มานา : 13/13

 

ปาร์ตี้ : ไม่มี

 

กิลด์ :  ไม่มี

 

ค่าสถานะ

 

พลังกาย : 29 + 11

 

การตอบสนอง : 11 + 11

 

พลังเวท : 14 + 0

 

สายตา : 21 + 0

 

สัมผัสกลิ่น : 13 + 0

 

สัมผัสเสียง : 12 + 0

 

สัมผัสรส : 12 + 0

 

ชำนาญมือ : 22 + 0

 

ชำนาญขา : 20 + 0

 

แต้มพิเศษ : 0 (22)

 

สกิล

 

นักธนู

 

ชำนาญธนู Lv.1

 

พ่อครัว

 

ชำนาญเครื่องครัว Lv.1

 

ผู้รักษา

 

รักษาบาดแผล Lv.1

 

นักดาบโล่

 

ชำนาญดาบมือเดียว Lv.4

ชำนาญโล่ Lv.2

โล่กระแทก Lv.1

 

หลังจากที่ใช้เวลาล่ามาเกือบๆ 40 ชม ในที่สุดเลเวลของนักดาบโล่ก็ขึ้นมาอยู่ที่ 8 และเลเวลโดยรวมอยู่ที่ 11 ซึ่งถือว่าเก็บเลเวลได้ค่อนข้างช้า แต่เพราะติดโทษแห่งความตายที่ได้รับค่าประสบการณ์ลดลงครึ่งนึงจึงสามารถเข้าใจได้

 

และเมือย้อนไปตอนที่นักดาบโล่เลเวลขึ้นมาถึงเลเวล 5 ก็ได้มีสกิลให้เขาเลือกอัพขึ้นมา 2 สกิลคือ ตั้งโล่ กับ โล่กระแทก ในส่วนนี้เขาได้เลือกสกิลโล่กระแทกที่เป็นสายโจมตีแทนที่จะเป็นสกิลตั้งโล่ซึ่งเป็นสายป้องกัน

 

“การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการโจมตียังไงล่ะ” เขานึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาพอดีในตอนที่กำลังเลือกสกิล ดังนั้นผลของมันจึงออกมาในรูปแบบนี้

 

แต่ว่าเข้ายังไม่เคยใช่มันเลยสักครั้ง!!

 

“เหลือเวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆก่อนที่จะต้องเริ่มเดินกลับเมือง” ผมหยิบเครื่องสื่อสารเวทขึ้นมาดูเวลา ก่อนที่จะคำนวนเวลาเดินทางกลับคร่าวๆภายในใจ ก่อนที่จะมองไปรอบๆตัว

 

ในป่าโทเดนนั้นปกติก็ค่อนข้างมืดอยู่แล้ว ยิ่งในตอนนี้เป็นช่วงเวลาเย็นจึงทำให้บรรยากาศภายในป่ายิ่งมืดลงไปอีก

 

ตอนนี้ในระยะเวลาเกือบ 40 ชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้ในช่องเก็บของตอนนี้เต็มไปด้วยวัตถุดิบที่ดรอปมาจากมอนสเตอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูป่าที่มีมากถึง 235 ชิ้น หรือว่าหนังหมาป่าที่มี 43 ผืนเข้าไปแล้ว นี่ยังไม่รวมเห็ดโทเดนอีกจำนวนมากจนกินช่องเก็บของไปหลายช่องเลยทีเดียว

 

“ในป่าดูเหมือนจะมืดไวกว่าปกติ งั้นเดินกลับไปพลางๆเลยแล้วกัน”

 

ในป่านั้นหลงทางค่อนข้างง่าย ดังนั้นตอนขามาผมจึงทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้ตลอดทางทำให้ในการเดินทางกลับในตอนที่ยังพอมองเห็นนั้นทำได้อย่างง่ายดาย แต่หากฟ้ามืดไปแล้วก็เลิกหวังได้เลยว่าจะสามารถเดินทางกลับเมืองได้

 

“โอ๊ะ! เจอเหยื่อพอดี ไหนๆมาขอลองสู้แบบสไตล์ตัวชนดูสักหน่อย”

 

ในระหว่างที่กำลังเดินกลับ ผมก็บังเอิญไปเจอเข้ากับหมูป่าตัวนึงเข้าพอดี

 

เริ่มด้วยการโยนก้อนหินใส่เหมือนทุกครั้ง แล้วก็ตั้งโล่รอไว้ด้านหน้า รอจังหวะที่หมูป่าวิ่งเข้ามาถึงตัวก่อนที่จะ…

 

“โล่กระแทก!!”

 

ผมยกโล่ขึ้น และใช้โล่กระแทกเข้ากลางศีรษะของหมูป่าจากด้านบนในจังหวะที่หมูป่าวิ่งเข้ามาในระยะ

 

ตูม!! เสียงกระแทกดังสนั่น ก่อนที่หมูป่าจะหน้าคะมำลงไปที่พื้น ผมไม่รอให้มันตั้งตัวรีบเอาดาบปักเข้าที่กลางหัวของหมูป่าทันที

 

อู๊ด!!!

 

มันกรีดร้องครั้งสุดท้ายก่อนที่จะแน่นิ่งไป

 

กำจัดหมูป่าโทเดน เลเวล 15 สำเร็จ

 

ได้รับค่าประสบการณ์ 75 แต้ม

 

ได้รับ เนื้อหมูป่าโทเดน 1 ชิ้น

 

ได้รับ เขี้ยวหมูป่าโทเดน 1 ชิ้น

 

ได้รับ หนังหมูป่าโทเดน 1 ชิ้น

 

ได้รับ เศษโครงกระดูกหมูป่าโทเดน 2 ชิ้น

 

“โอ้!! ล่าง่ายขึ้นเยอะเลย ไหนๆขอดูสิ สเตตัส…หืม…โล่กระแทกใช้มานา 2 หน่วย…แต่โดยพื้นฐานแล้วมานาจะฟื้นฟู 1 หน่วยทุกๆ 2 นาที…แบบนี้ก็สบายมาก…”

 

บทบาทตัวชนก็ไม่เห็นจะยากสักเท่าไหร่นี่นา ผมอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้

 

“เครื่องชักติดแล้วสิ ทางกลับขอให้เจอมอนเยอะๆทีเถอะนะ”

 

หลังจากนั้นผมก็ไล่กวาดล้างมอนสเตอร์ทุกตัวที่เจอในระหว่างขากลับ จนมาถึงบริเวณชายป่า เลเวลของนักดาบโล่ก็อัพมาเป็นเลเวล 9 พอดี

 

ท้องฟ้าภายนอกป่าโทเคนยังคงสว่างอยู่ ดังนั้นการเดินทางกลับเมืองจึงเป็นเรื่องง่าย

 

หลังจากที่กลับมาถึงเมือง ผมก็ตัดสินใจไปส่งภารกิจที่สมาคมนักผจญภัยก่อนเป็นอันดับแรก และได้เงินมาทั้งหมด 2 เหรียญทอง กับอีก 70 เหรียญเงิน ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่สูงมากเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อวันของคนทั่วไป

 

ที่ผมสามารถสร้างรายได้ได้มากขนาดนี้ก็เนื่องจากอัตราการล่าที่สูงมากนั่นเอง การล่าหมูป่าหรือหมาป่า 1 ตัวนั้นใช้เวลาในการต่อสู้แต่ละครั้งไม่ถึง 10 วินาทีด้วยซ้ำ

 

ผมหยิบดาบขึ้นมาดู ใบดาบยังคงคมและสะอาดเหมือนใหม่ทุกระเบียดนิ้ว

 

“ก็สมกับราคา 150 เหรียญทองล่ะนะ ถ้าใช้หาเงินได้แค่ 2 เหรียญทองแล้วมีรอยบิ่นนี่คงต้องกลับเมืองหลวงไปโว้ยสักที”

 

“แต่โล่นี่คงต้องหาเปลี่ยนใหม่จริงๆ”

 

ผมพึมพัมในขณะที่มองโล่ไม้ที่ผมซื้อมาในราคา 20 เหรียญเงิน ในตอนนี้มันมีสภาพค่อนข้างยับเยินอยู่หน่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยบิ่น หรือรอยแตกของไม้ก็สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

 

“เอาเถอะ เรื่องโล่เอาไว้ทีหลัง ตอนนี้แวะไปส่งของให้องค์หญิงน้อยก่อน แล้วไปหาอะไรกินดีกว่า”

 

ผมเก็บทั้งดาบและโล่เข้าไปในช่องเก็บของก่อนที่จะเดินไปที่ไปรษณีย์เพื่อส่งเห็ดโทเดน 2 กระสอบใหญ่ๆไปให้พวกอากิที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่เมืองหลวง

 

ผมหยิบเครื่องสื่อสารเวทขึ้นมาก่อนจะส่งข้อความไปให้ยูกิ

 

「โทระ」:  องค์หญิงยูกิ ตอนนี้ส่งเห็ดโทเดนไปให้แล้วนะ อย่าลืมอยู่บ้านรอรับด้วยล่ะ

 

และก็รอไม่นานยูกิก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

「ยูกิ」:  โอ้! ทำงานไวเหมือนกันนี่เจ้าแมวน้อย องค์หญิงคนนี้พอใจมาก

「ยูกิ」:  แต่ว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนะสิ

「ยูกิ」:  คงต้องฝากคุณเอมิเลียให้รับของไว้ก่อนล่ะนะ

「โทระ」:  หืม นี่ออกไปทำภารกิจกันงั้นเหรอ?

「ยูกิ」:  ใช่ๆ พอดีมีคำร้องโดยตรงมาจากหัวหน้าหมู่บ้านโรดันน่ะสิ

「โทระ」:  อ่อ คำร้องของคุณเมดิสสินะ แล้วจะกลับมาวันไหนกันล่ะ?

「ยูกิ」:  น่าจะอีกประมาณ 2 วันล่ะมั้ง ตอนนี้พึ่งจะเดินทางมาถึงหมู่บ้านโรดันเอง

「โทระ」:  งั้นเหรอ ถ้างั้นก็ระวังตัวกันด้วยล่ะ

「ยูกิ」:  ทางนี้น่ะสบายมาก จริงๆตอนแรกฉันกะว่าจะส่งให้อากิมาแค่คนเดียวด้วยซ้ำนะ

「ยูกิ」:  ติดตรงที่ฮานะไม่ยอมน่ะสิ สุดท้ายเลยต้องมากันหมดเลย

 

อยู่ดีๆก็มีความรู้สึกเจ็บแปร๊บขึ้นมาข้างในใจ จนเผลอตอบยูกิช้าไปจังหวะนึง

 

「โทระ」:  งั้นเหรอ

「ยูกิ」:  …ขอโทษนะโทระ ฉันเผลอไปหน่อย

 

แต่ดูเหมือนยูกิจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของผม…ให้ตาย จะละเอียดอ่อนเกินไปแล้วนะ ยัยบ้าเอ้ย

 

「โทระ」:  อ่า ไม่เป็นไรหรอก ทางนี้ก็ทำใจได้บ้างแล้วล่ะ

「ยูกิ」:  โอ๋น้าๆ เจ้าแมวน้อย ยังไงนายก็ยังมีฉันคอยให้กำลังใจอยู่น้า~

「ยูกิ」:  เป็นไง รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม เจ้าแมวน้อย~

「โทระ」:  อืม ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจนะ ยูกิ

「โทระ」:  ถ้างั้นฉันขอตัวไปหาอะไรกินก่อนนะ ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า

「ยูกิ」:  โอเครับทราบ ไว้ติดต่อไปใหม่นะ เป็นห่วงนะจ๊ะเจ้าแมวน้อย

 

ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะตัดสินใจไปหาอะไรกิน

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

 

ตัดมาที่อีกด้าน

 

“โฮ่~…! ร้ายกาจจริงๆ…นี่ช่วยบอกฉันทีสิยูกิ ว่าเธอชื่อ เฮบิ(งู) หรือ ยูกิ(หิมะ) กันแน่นะ หืม~~?”

 

“กรี๊ด~~!! อะ..เอริ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?”  

 

ฉันตกใจสะดุ้งโหย่ง ก่อนที่จะรีบซ่อนเครื่องสื่อสารเวทไห้พ้นจากสายตาของเอริทันที

 

“เจ้าแมวน้อยตัวนี้นี่น่าสงสารจริงๆด้วย กำลังจะกลายเป็นเหยื่ออยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด”

 

ทันทีที่ได้ยินเอริพูดแบบนั้น ฉันก็รู้สึกว่ามีความร้อนพุ่งขึ้นมาที่หน้าอย่างห้ามไม่ได้

 

“อะ..แอบดูแบบนี้มันไม่ดีนะ เอริจัง!!”

 

“ช่วยไม่ได้นี่ ฉันเรียกเธอเท่าไหร่ก็ไม่ตอบสักที ก็เลยเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น…แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้แอบดูสักหน่อย ฉันยืนดูอยู่ข้างๆเลยต่างหากล่ะ”

 

เอริตอบกลับมาด้วยท่าทางเอือมระอา

 

“…”

 

ฉันถึงกับพูดอะไรไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าจะตอบโต้ยังไงดี ใบหน้ามันรู้สึกร้อนไปหมด ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ แต่ไม่มีเสียงอะไรออกมา

 

“…เอาเถอะ เธอจะทำอะไรกับเจ้าแมวน้อยของเธอฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก ฉันแค่จะมาบอกว่าฮานะให้มาตามเธอไปกินข้าวเย็นแค่นั้นเอง”

 

“มะ ไม่ใช่เจ้าแมวน้อยของฉันสักหน่อย!!”

 

“อ่าว ไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันรับไปเลี้ยงแทนดีไหมนะ?”

 

เอริเอียงคอมองหน้าฉัน พลางทำหน้าตาเหมือนกำลังสงสัย

 

“เอ๋!? ไม่ได้นะ…ชะ ใช่ก็ได้…เจ้าแมวน้อยของฉันเอง…”  

 

เอริยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

 

“…”

 

ปุ้ง!! ฉันรู้สึกเหมือนมีไอร้อนพุ่งออกมาจากใบหน้าที่กำลังร้อนจัด

 

“…”

 

เอริจ้องหน้าฉัน

 

“มะ..มีอะไรเอริจัง”

 

“ฉันว่าเฮบิจังควรสงบสติอารมณ์ให้ได้ก่อนกลับเข้าไปดีกว่านะ…หน้าเธอแดงขนาดนี้ เดี๋ยวฮานะจะสงสัยเอาซะเปล่าๆ”

 

เอริพูดจบก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในโรงแรมทันที ปล่อยให้ฉันยืนหน้าแดงทำหน้าตาเหรอหราอยู่เพียงคนเดียว

 

“อะ เอ๋!? อะ..เอริ เดี๋ยวก่อนสิ! รอฉันด้วย~!”

 

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

Status: Ongoing
ตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ที่โลกนี้ เวลาก็ผ่านไป 6 ปีแล้ว แล้วก็…ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังดื้อดึง สุดท้ายก็พ่ายแพ้กลับมา แต่ในเมื่อไม่มีอะไรคาใจแล้ว…ก็ขอออกไปท่องโลกกว้างดูสักครั้งแล้วกัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท