ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ – ตอนที่ 17 ผมไม่กล้าแตะต้องเหยื่อของสัตว์กินเนื้อ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ตอนที่ 17 ผมไม่กล้าแตะต้องเหยื่อของสัตว์กินเนื้อ

 

อากาศมันช่างสดชื่น!

 

สดชื่นเหลือเกิน!

 

ให้ตายสิ!

 

คิดถูกแล้วที่เดินออกจากห้อง

 

นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเป็นที่สุด

 

แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้

 

เป็นเพราะผมต้องการออกมาสูดอากาศหายใจอย่างเดียว

 

หาใช่เพราะเกรงกลัวเปลวเพลิงความโกรธแค้นของคุณเซลิส

 

ผมไม่ได้ออกมาเพราะเหตุผลแบบนั้นหรอกนะ

 

ทุกคนอย่าได้เข้าใจผิดไป

 

 

ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง

 

ยอมรับก็ได้

 

ระหว่างที่้ผมกำลังเดินเล่น

 

เดินตามไปอารมณ์หลีกหนีทุกปัญหาที่รุมล้อม

 

เหล่านักเรียนเพื่อนร่วมชั้นปีทั้งหลายที่เดินบนทางเดิน

 

ทันทีที่เห็นผมก็ต่างพากันพยายามเข้ามาทักทาย

 

พยายามเข้ามาชวนพูดคุย

 

ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มหรือหญิงสาว

 

ล้วนแล้วแต่ชวนเปิดบทสนทนาทั้งนั้น

 

แน่นอนว่าไม่ใช่ผมไม่ชอบ

 

ผมชอบครับ

 

ชอบมากด้วย

 

บอกกล่าวตามตรง

 

เห็นแบบนี้แต่ผมดังมากเลยนะขอบอก

 

ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าที่ผมเป็นที่นิยม

 

นั่นเป็นเพราะเหตุผลอะไร

 

หรือจะเป็นเพราะผมเกิดมาหน้าตาเหมือนผู้หญิง?

 

เป็นไปได้อยู่

 

เอาเถอะปัญหาพวกนี้คงต้องปล่อยผ่านไปก่อน

 

เก็บไปคิดมากจะชวนปวดหัวเอา

 

“…”

 

“ฟางข้าว?!”

 

“สวัสดีครับคุณฟางข้าว”

 

“น้องฟางข้าวสวัสดีจ๊ะ”

 

“สวัสดีครับทุกคน”

 

ผมก้มหัวทักทายทุกคน

 

ด้วยมารยาทดีงามขั้นสุด

 

ไม่มีขาดตกบกพร่อง

 

พอเห็นทุกคนต่างพยายามเข้ามาทักทายสวัสดี

 

ผมในฐานะผู้คนมากไปด้วยมารยาท

 

ย่อมต้องสวัสดีกล่าวทักทายกลับ

 

มือข้างหนึ่งโยกโบกไปมาหลายต่อหลายครั้ง

 

ขณะรอยยิ้มยังคงประดับตามเดิม

 

“สวัสดีครับ~”

 

“…”

 

“ฟะ ฟางข้าวยิ้มให้ฉันด้วยล่ะ?!”

 

“ยิ้มให้ฉันต่างหาก!”

 

“ให้ผมมากกว่า!”

 

“หึ พวกเพ้อฝัน!”

 

ปัญหาใหม่เกิดขึ้น

 

เนื่องจากเหล่าเพื่อนร่วมชั้นปีทั้งหลาย

 

ต่างพากันหันหน้าโต้เถียงไม่มีใครยอมใคร

 

น่าอิจฉาจัง~

 

ผมเองก็อยากมีฉากแบบนั้นบ้าง

 

แต่เหมือนจะมีอะไรผิดแปลกไป

 

ระดับการโต้เถียงเริ่มเพิ่มเติมมากขึ้น

 

รวมถึงการลงไม้ลงมือก็มากตาม

 

บานปลายจนถึงขั้นคิดใช้กำลัง

 

“แกว่าใครเพ้อฝัน!”

 

“ไปตายห่าซะ!”

 

“แกต่างหากที่ต้องตาย!”

 

“อย่ามายุ่งกับฟางข้าวของฉันนะ!”

 

ผมกะพริบตามอง

 

ด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์

 

ทุกคนดูสนิทกันจัง

 

ผมถอนหายใจ

 

พลางก้าวเท้าเดินหน้าต่อ

 

ก้าวออกเดินโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด

 

ก้าวออกมาโดยไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าเบื้องหลัง

 

มันกำลังเกิดฉากวินาศสันตะโรอะไรบ้าง

 

และเป็นอีกครั้งที่ผมต้องถอนหายใจ

 

เนื่องจากห้วงความคิดหนึ่งมันไหลย้อนเข้ามา

 

“…”

 

“อยากได้เพื่อนแบบนั้นบ้าง”

“…”

 

“พระเจ้าครับ”

 

“ได้โปรดส่งคนมาเป็นเพื่อนของผม”

 

“ได้โปรด”

“ผมอยากมีชีวิตเหมือนใครคนอื่นเขาบ้าง”

 

ผมพนมมือเงยหน้ามองท้องฟ้า

 

พร้อมอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า

 

อะ จะบอกว่าที่อยู่ในห้องเรียนของผมไม่ใช่เพื่อน?

 

เปล่าครับ

 

พวกเขาทุกคนล้วนเป็นเพื่อนของผม

 

เพียงแต่ว่าผมอยากได้เพื่อนอีกแบบ

 

เป็นเพื่อนที่สามารถพูดคุยหัวเราะสนุกสนาน

 

ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องเกรงใจซึ่งกันและกัน

 

ทุกวันนี้ทุกคนที่เข้าหาผม

 

ล้วนแล้วแต่คอยช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนตลอด

 

พอจะพูดคุยด้วยก็ต่างพากันถอยห่าง

 

นึกถึงแล้วก็เศร้าใจครับ

 

“…”

 

“อะ!”

 

“แต่ถ้าส่งมาแบบคุณเซลิส”

 

“ผมขอผ่านนะครับ”

 

“ผมยังไม่อยากโดนกินทั้งเป็น”

 

กึก!

 

เสียงบางสิ่งอย่างดังขึ้น

 

มันดังมากจนผมตกใจกลัว

 

“กรี๊ดดดดด!”

 

“ขะ ขอโทษครับ!”

 

“ผมจะไม่ร้องขออะไรแล้ว!”

 

“อะ เอาแบบเดิมก็ได้!“

 

“ได้โปรดอย่าทำอะไรผมเลย!”

 

ผมหลับตาแน่น

 

ขณะทรุดตัวนั่งลงพร้อมเอามืออุดหูทั้งสองข้างเอาไว้

 

ปราศจากสุ้มเสียงอื่น

 

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

 

จนกระทั่งผมลืมตาขึ้นมอง

 

เห็นเพียงไม้กวาดที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

 

หัวคิ้วทั้งสองพากันเลิกขึ้นสูงทันที

 

“ไม้กวาด?”

 

“…”

 

“ตกใจหมด”

 

นึกว่าจะโดนพระเจ้าลงโทษแล้ว

 

หะ จะบอกว่าพระเจ้าเป็นเพียงนิทานหลอกเด็กเหรอ

 

ไม่จริงเลยครับ

 

โน โน

 

พระเจ้าในโลกของผมมีอยู่จริง

 

แถมเรายังเข้าเฝ้าได้ด้วย

 

ซึ่งกระบวนการเข้าเฝ้าครั้งแรก

 

นั่นก็เพื่อปลุกพลังพิเศษในตัว

 

จะอยู่ในช่วงระยะเวลา 16 – 18 ปี

 

โดยหลังจากได้รับพรจากพระเจ้า

 

หนึ่งความสามารถจะถูกประทานให้

 

ส่วนเป็นยังไง

 

เป็นแบบไหน

 

ล้วนแล้วแต่เป็นพระสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น

 

เราในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนปรกติธรรมดา

 

คงได้แต่ยืนนิ่งเงียบ

 

ผมปัดเศษฝุ่นตามตัว

 

พร้อมออกเดินหน้าต่อ

 

เดินไปได้สักพัก

 

ก็พานพบเจอเข้ากับเหตุการณ์ผิดแปลกอีกครั้ง

 

“…”

 

“คนเยอะแยะเต็มไปหมด”

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

หลังจากออกเดินหน้าไปไม่นาน

 

ผมก็เจอเข้ากับกลุ่มคนมากมาย

 

พวกเขาต่างกำลังก้มดูชายหนุ่มคนหนึ่งนอนแน่นิ่งกับพื้น

 

โดยสภาพร่างกายอีกฝ่ายคล้ายโดนกระทืบเละ

 

ทุกคนต่างสงสัยใคร่รู้ขั้นสุด

 

ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใครมาจากไหน

 

และอะไรที่เป็นต้นสายปลายเหตุสำคัญ

 

ที่ทำให้โดนกระทืบเละแบบนี้

 

“ใคร?”

 

“ไม่รู้เหมือนกัน”

 

“แต่สภาพเละเลยไปใครเล่นงานมาเนี่ย?”

 

“…”

 

“รู้แล้ว!”

 

“เจ้าชายรูปหล่อ ปี 2 เป็นเขาแน่นอน”

 

“คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์?!”

 

“สุดยอด!”

 

“สุดยอดจริงแต่ว่า”

 

“ผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์โดนใครกระทืบมาเนี่ย”

 

“เล่นซะเละเลย”

 

ตอนแรกทุกคนต่างมึนงงสับสนไม่เข้าใจเหมือนกัน

 

แต่พอมีใครบางคนที่พานพบเห็นสถานการณ์ทั้งหมด

 

พานพบเห็นตั้งแต่ต้นจนจบ

 

บอกกล่าวออกไปว่าไอ้หนุ่มเบื้องหน้าที่ทุกคนกำลังสงสัย

 

เอาขนมปังไปให้ฟางข้าวหวังจีบ

 

เหล่าผู้คนมากมายก็ต่างพากัน

 

แสดงท่าทีเป็นศัตรูออกมาทันที

 

“อย่าไปสงสารมันเลย”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“น่าสงสารออก”

 

“เธอจะพูดได้ก็ต่อเมื่อมันไม่ได้เอาขนมปังไปจีบฟางข้าว”

 

“จีบฟางข้าว?”

 

“ฉันเห็นมันเอาขนมปังไปให้ฟางข้าว”

 

“เธอคิดว่ามันเอาไปให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจเหรอ?”

 

“ร้อยวันพันปีไม่เคยให้”

 

“แถมไม่เคยรู้จักกันอีกต่างหาก”

 

“…”

 

“สมควรตาย!”

 

“ฆ่ามัน!”

 

“กล้าคิดยุ่งกับเทพธิดาของพวกเรา!”

 

“เล่นงานมันเลย!”

 

ขณะที่เหล่าเพื่อนร่วมชั้นปีทั้งหลาย

 

กำลังตัดสินใจเล่นงานเกินเลย

 

หวังทำให้อีกฝ่ายเสียใจที่กล้ามายุ่งวุ่นวายกับฟางข้าว

 

ตอนนั้นเองที่ห้องเรียนห่างไกลพลันเกิดระเบิดดังลั่น

 

ซึ่งแน่นอนว่าห้องดังกล่าวก็คือห้องของฟางข้าว

 

เป็นห้องเรียนที่ไม่ว่าใครต่างต้องการเข้าไป

 

เข้าไปพบเห็นเทพธิดาของตนสักครั้ง

 

ตูม!

 

“…”

 

“ห้องฟางข้าว?!”

 

“รีบไปดูเร็วเข้า!”

 

กล่าวจบเสร็จสิ้น

 

ทุกคนต่างพากันออกวิ่งหน้าตั้งวิ่งไปดูสถานที่เกิดเหตุ

 

ทิ้งให้เจ้าหนุ่มนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น

 

ผมที่แอบมองดูอยู่ไม่ห่าง

 

กะพริบตามองหลายต่อหลายครั้ง

 

ก่อนเหงื่อแตกเดินหนีต่อ

 

“…”

 

“ปะ เป็นฝีมือของคุณเซลิสแน่นอน”

 

“…”

 

“ไม่ได้การ”

 

“ผมต้องหนีให้ห่าง”

 

“ไม่งั้นอาจะโดนสัตว์กินเนื้อจับกิน”

 

“…”

 

“ไม่เอาเด็ดขาด”

 

“นะ หนีดีกว่า”

 

ว่าแล้วผมก็ออกเดินหนีทันที

 

อะ จะบอกว่าผมใจร้ายเหรอ?

 

ที่ไม่ได้ช่วยเหลืออีกฝ่าย

 

ครับ

 

ยอมรับครับ

 

ว่าใจร้าย

 

 

นะ นั่นเป็นเหยื่อของคุณเซลิสเลยนะ

 

ถ้าผมไปยุ่งวุ่นวายด้วย

 

ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผมอีก

 

พวกคุณทุกคนก็น่าจะรู้

 

ว่าสัตว์กินเนื้อหวงเหยื่อของตัวเองขนาดไหน

 

ถะ ถ้าผมไปแตะต้องขึ้นมา

 

 

ไม่อยากจะคิด

 

รีบหนีดีกว่า

 

 

นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว

 

ที่ผมเลือกเผ่นหนี

 

ช่างเป็นอะไรที่

 

น่าอดสูยิ่งนัก

 

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

Status: Ongoing
เพื่อนร่วมห้องของผม คุณเซลิส เธอคือคนแปลกประหลาด ทั้งยังเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในโรงเรียนอีกต่างหาก หากจะให้อธิบายความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน อธิบายให้เข้าใจ ผมคงไม่พ้นต้องเป็นเหยื่อ ส่วนเธอก็คือนักล่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท