ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1396 : วันธรรมดาของคนธรรมดา (2)

ราชันเร้นลับ 1396 : วันธรรมดาของคนธรรมดา (2)

ในส่วนหัวของเอกสาร ขณะบาร์ตันเตรียมเพิ่มรายละเอียด มันเพิ่งพบว่าแฟร์นันมิได้ส่งข้อมูลใดมาเพิ่มเติม

“หมอนั่นคิดว่าด้วยสายสัมพันธ์ระหว่างตนกับกองทุน ลำพังจดหมายฉบับเดียวจะช่วยให้โครงการผ่านอนุมัติหรือไง?”

จากภาพจำของบาร์ตัน นักโบราณคดีแฟร์นันไม่ใช่คนหยิ่งผยอง ข้อเสียเพียงเรื่องเดียวคือความอดทนต่ำ แต่ในด้านอื่นแฟร์นันถือเป็นสุภาพบุรุษชาวโลเอ็นที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง

ในสถานการณ์ปรกติ การจะขอความช่วยเหลือจากกองทุนขุดค้นและเก็บรักษาวัตถุโบราณแห่งโลเอ็น นอกจากต้องเล่ารายละเอียดของโครงการอย่างคร่าว ผู้ยื่นจะต้องส่งรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างภาพถ่ายของไซต์งาน บทคัดลอกหนังสือโบราณและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ไม่อย่างนั้นกองทุนคงจนปัญญาที่จะพิจารณาและตัดสินใจ ยังไม่ต้องไปถึงขั้นออกทุนให้และส่งคนไปตรวจสอบไซต์งาน

หรืออาจเป็นไปได้ว่า แฟร์นันสะเพร่าจนลืมส่งข้อมูลมาพร้อมกัน? นั่นสินะ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างแฟร์นันกับกองทุน มีความเป็นไปได้ที่ทางนี้จะส่งบุคลากรหนึ่งถึงสองคนติดต่อกลับไปหลังจากได้อ่านจดหมาย… อา ในฐานะเพื่อน เราต้องทำบางสิ่งเพื่อช่วยเขา… บาร์ตันส่ายศีรษะ ลุกขึ้นยืนและเดินไปทางชั้นหนังสือโดยไม่คิดอะไรมาก

จากนั้น มันเหยียดมือขวา ใช้ปลายนิ้วก้าวไปบนสันหนังสือเพื่อเลือกเอกสารอ้างอิงที่สอดคล้องกัน

ท้ายที่สุด บาร์ตันหยิบหนังสือและวารสารออกมาหลายเล่ม รวบรวมมุมมองและรายละเอียดเชิงประวัติศาสตร์ของภูเขาในแคว้นซิลวารัสเพื่อเขียนบรรยายลงในเอกสารยื่นคำร้อง:

“ในแง่ของประวัติศาสตร์ มีหลายมุมมองที่นำเสนอแตกต่างออกไป”

“ไม่ทราบว่ายาวนานแค่ไหน แต่จักรวรรดิโซโลมอนและทูดอร์เคยอาศัยอยู่ร่วมกันบนทวีปเหนือ เส้นแบ่งเขตแดนน่าจะเป็นเทือกเขาโฮนาซิสในปัจจุบันและที่ราบสูงเฟเนพ็อต”

“เป็นที่เชื่อกันว่า บริเวณเทือกเขาโฮนาซิสส่วนที่ยื่นไปถึงแคว้นซิลวารัส น่าจะเป็นจุดปะทะของทั้งสองฝ่าย…”

บาร์ตันมิได้เห็นชอบกับคำร้องของแฟร์นัน เพียงบ่งชี้โดยอ้อมผ่านหลักฐานอ้างอิงว่า บนภูเขาในแคว้นซิลวารัสอาจมีมรดกจากยุคสมัยที่สี่อยู่

ด้วยวิธีดังกล่าว หากในท้ายที่สุดแล้วพิสูจน์ได้ว่าแฟร์นันโกหก ก็จะไม่มีใครเรียกร้องความรับผิดชอบจากบาร์ตันได้ เพราะคำอธิบายโดยละเอียดข้างต้นถูกเขียนขึ้นจากนักโบราณคดีคนดัง บาร์ตันเพียงหยิบยกบางส่วนมาอ้างอิง

ในช่วงท้ายเอกสาร มันลงรายการเอกสารอ้างอิงของตน:

“… ‘รายงานส่วนบุคคลการวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ของแคว้นซิลวารัส’ อะซิก·อายเกส ศาสตราจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยโฮอี้…”

เขียนเอกสารจบ บาร์ตันอ่านทวนใหม่ตั้งแต่ต้น ลงมือแก้ไขในบางคำและประโยค

ถัดมา มันถือเอกสารฉบับร่างเดินเข้าไปในห้องเสมียนที่อยู่ติดกัน รบกวนให้อีกฝ่ายช่วยใช้เครื่องพิมพ์ดีดเปลี่ยนฉบับร่างเป็นเอกสารทางการ

กองทุนขุดค้นและเก็บรักษาวัตถุโบราณแห่งโลเอ็นได้จ้างพนักงานหญิงเข้าทำงานเป็นจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่เสมียนตำแหน่งล่างสุด ไปจนถึงรองประธานและเบื้องบน เกินกว่าครึ่งล้วนเป็นสตรี

อันที่จริง บาร์ตันเคยบ่นเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวหลายครั้ง แต่มันก็ไม่คิด และไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีต่อต้าน ทำได้เพียงจำใจยอมรับ

แต่แน่นอน บาร์ตันยอมรับว่า การได้เห็นเสมียนสาวตั้งใจทำงานถือเป็นอาหารตาที่ดีประเภทหนึ่ง

อย่างน้อยก็ช่วยให้กระชุ่มกระชวยได้บ้าง… บาร์ตันพึมพำท่ามกลางเสียงพิมพ์ดีด

หลังจากเอกสารถูกเตรียมเสร็จ ลงนาม และส่งดำเนินการ มันกลับมาทำงานตามปรกติอีกครั้ง

เป็นงานจำพวก: การตรวจสอบวัตถุเบื้องต้น การแสดงความเห็นเชิงมืออาชีพและรวบรวมข้อมูล การแสดงความเห็นลงบนเอกสารบางฉบับของกองทุน เป็นต้น

หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว บาร์ตันออกจากสำนักงานหกโมงตรง นั่งรถม้าสาธารณะและกลับถึงบ้านในอีกกว่าหนึ่งชั่วโมงให้หลัง

นี่คือกิจวัตรตามปรกติของเมืองใหญ่ในอาณาจักรโลเอ็น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงเวลาชายามบ่ายถึงได้รับความนิยม – หลังจากเสร็จอาหารกลางวันในช่วงเวลาเที่ยงตรงถึงบ่ายโมง กว่าพนักงานจะกลับถึงบ้านอีกครั้งก็ปาไปทุ่มครึ่งถึงสองทุ่ม นั่นเป็นระยะเวลาที่นานเกินไป หากไม่มีชายามบ่ายมาคั่น คนปรกติส่วนใหญ่อาจหิวจนปวดท้อง

แต่แน่นอน ชายามบ่ายคือกิจกรรมที่จำกัดเฉพาะชนชั้นกลางและสูง คนยากจนส่วนใหญ่จะรับประทานอาหารเพียงวันละสองมื้อ ยิ่งไปกว่านั้น หากครอบครัวใดต้องทำงานทั้งสามีและภรรยา เมื่อกลับถึงบ้านช่วงทุ่มถึงสองทุ่ม พวกมันก็ต้องเสียเวลาเตรียมอาหารค่ำแทนที่จะได้กินทันที

“แฟร์นันแวะมาหาคุณในช่วงบ่าย” ภรรยาบาร์ตันกล่าวอย่างเป็นกันเองขณะถอดเสื้อนอกและหมวกของสามี

“แฟร์นัน?” บาร์ตันชะงักเล็กน้อย

นักโบราณคดีที่ค้นพบโบราณสถานจากยุคสมัยที่สี่ในแคว้นซิลวารัส กลับมาถึงเชสเตอร์ตะวันออกแล้ว?

ขณะเสียงจางลง บาร์ตันขมวดคิ้วพลางกล่าวกับตัวเองในใจ

หมอนั่นนึกขึ้นได้ว่าลืมแนบข้อมูล ก็เลยกลับมาด้วยตัวเอง?

ไม่ใช่ ไม่มีความจำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น ระบบไปรษณีย์ของอาณาจักรค่อนข้างพึ่งพาได้…

ยิ่งไปกว่านั้น มันควรจะทราบว่าในวันทำงานปรกติ เราจะอยู่ที่สำนักงานกองทุน… หรือไม่ก็ถูกส่งไปยังบางไซต์งานเพื่อตรวจสอบ…

คิดถึงตรงนี้ บาร์ตันถาม

“เขาไปไหนแล้ว?”

“เขาแค่เข้ามารอคุณในห้องหนังสือประมาณสิบห้านาที จากนั้นก็กลับ” ภรรยาบาร์ตันตอบตามความจริง

บาร์ตันถามต่อ

“เขาได้บอกไหมว่าพักอยู่ที่โรงแรมไหน? แล้วจะแวะมาอีกเมื่อไร?”

นักโบราณคดีแฟร์นันเป็นชาวเชสเตอร์ตะวันออกก็จริง แต่ก็ไม่ได้อาศัยในเมืองหลวงสโตน และไม่มีบ้านพักอยู่ที่นี่

“เขาไม่ได้บอก ดูเหมือนกำลังรีบ” ภรรยาบาร์ตันเว้นวรรค ก่อนจะเสริม “…รีบมาก”

บาร์ตันลูบไร้ผมที่ค่อนข้างเถิก พยักหน้าอ่อนโยน

“ผมจะเข้าไปดูในห้องหนังสือ”

ห้องหนังสือของมันอยู่บนชั้นสอง ด้านในมีชั้นหนังสือจำนวนหนึ่งและภาชนะกระเบื้องเคลือบไม่มาก – มันไม่ใช่คนคลั่งภาชนะกระเบื้องเคลือบ เพียงสะสมไม่กี่ชิ้นที่โดดเด่นและหายาก

ค้นหาสักพัก บาร์ตันไม่พบกระดาษโน้ตหรือจดหมายที่แฟร์นันทิ้งไว้

มันตัดสินใจพับเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน

นี่คือกฎของมัน – พยายามอย่าคิดเรื่องงานเมื่อกลับถึงบ้าน

หลังจากเสร็จอาหารค่ำและดื่มด่ำช่วงเวลากับภรรยาและลูก บาร์ตันชำระล้างร่างกายและเข้านอน

กลางดึกสงัด มันสะดุ้งตื่นพร้อมกับลืมตา

นับตั้งแต่เคยตกอยู่ในอันตรายระหว่างทำกิจกรรมเชิงโบราณคดีเมื่อสิบปีก่อน บาร์ตันก็ได้รับสัมผัสพิเศษที่แตกต่างจากคนปรกติ มันสามารถตระหนักถึงความเคลื่อนไหวที่คนอื่นไม่รู้สึก ยกตัวอย่างเช่น คนทั่วไปต้องรอให้ผู้มาเยือนหยุดอยู่ที่หน้าประตูเสียก่อน จึงจะทราบว่ามีผู้มาเยือน แต่สำหรับบาร์ตัน มันรับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามีผู้มาเยือน นับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายย่างกรายมาตามทางเดิน

มีใครบางคนย่องเข้ามา… บาร์ตันนั่งลงทันที ดวงตาเบิกกว้าง

มันมองภรรยาที่หลับอยู่ด้านข้าง แต่ไม่คิดปลุกเธอ เพียงลุกจากเตียงด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อย หยิบปืนลูกซองแฝดจากบนกำแพง

หลังจากถือปืน มันบรรจงเปิดประตูและมองไปยังทางเดิน

ที่นั่นปกคลุมไปด้วยความมืดหนาแน่น มีเพียงแสงสีแดงจางๆ ช่วยวาดเค้าโครงของวัตถุ

โดยไม่ลังเล บาร์ตันออกไปที่ทางเดินอย่างห้าวหาญ เดินวนตรวจตราอยู่สักพัก

แต่มันกลับไม่พบหัวขโมยที่ลอบเข้ามา

สัมผัสของเราผิดพลาด? บาร์ตันหันหลังกลับโดยยังไม่มั่นใจนัก

ไม่มีประตูบานใดบนชั้นหนึ่งที่ถูกเปิด

ครุ่นคิดสักพัก บาร์ตันเดินมาหยุดหน้าประตูห้องหนังสือ จับด้ามจับและบิดแผ่วเบา

ประตูเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ทุกสิ่งด้านในถูกคลุมด้วยชั้นความมืด ดูคล้ายกับสัตว์ประหลาดนานาชนิด

ดึงม่านเปิด บาร์ตันอาศัยแสงจันทร์เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อม และยืนยันว่าการตกแต่งยังคงเหมือนที่มันทำได้

“เราตื่นตัวเกินไป… เป็นผลพวงจากฝันร้ายเมื่อวาน?” บาร์ตันถอนหายใจและรีบออกจากห้องหนังสือ

ด้านหลังมัน ผ้าม่านที่ถูกดึงเปิดแกว่งไกวแผ่วเบา คล้ายกับมีสายลมพัดผ่าน

วันถัดมา บาร์ตันยังคงดำเนินชีวิตไปตามกิจวัตรเดิม

จุมพิตภรรยาและลูก ขึ้นรถม้าสาธารณะ อ่านหนังสือพิมพ์ ชงชา อ่านจดหมาย

“หืม… จดหมายอีกฉบับจากแฟร์นัน” บาร์ตันเปิดจดหมายด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย

แต่กลับไม่มีสิ่งใดเขียนไว้บนกระดาษ แถมดูเหมือนว่าผู้ส่งจะลืมนำกระดาษจดหมายใส่ซอง

“แฟร์นันเป็นโรคความจำเสื่อมหรือไง?” บาร์ตันชำเลืองซองจดหมาย ทันใดนั้นก็พบว่าลวดลายบนซองค่อนข้างประหลาด

เป็นซองจดหมายที่ระลึก

ตามความรู้ของบาร์ตัน ในกรุงเบ็คลันด์และเมืองสโตน โรงแรมหรูจำนวนมากมักเตรียมซองจดหมายและเครื่องเขียนแบบพิเศษไว้ให้แขก ไม่ผิดนักหากจะเรียกว่าเป็นของที่ระลึกประเภทหนึ่ง

“โรงแรมอะไรกันนะ” บาร์ตันนำซองขึ้นมาจ่อจมูก สูดกลิ่นที่มีเอกลักษณ์และน่าจดจำเข้าไป

วินาทีถัดมา มันได้กลิ่นเลือดจางๆ

……………………………………

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท